นับตั้งแต่ Land Rover Series I เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Amsterdam Motor Show เมื่อปี 1948 และกลายเป็นต้นแบบยานยนต์ขาลุยขนานแท้
ในนาม Land Rover Defender ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จครบรอบ 75 ปี Land Rover จึงผลิตรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด มาพร้อมสีภายนอกสุดพิเศษและการตกแต่งรายละเอียดที่ไม่เหมือนใครภายใต้ชื่อ New Land Rover Defender 75th Limited Edition
ด้วยการนำรุ่น 110 HSE Plug In Hybrid มาตกแต่งพิเศษสีภายนอก Glasmill Green สุดโดดเด่น ซึ่งเป็นเฉดสีที่สงวนไว้สำหรับรุ่น 75th Limited Edition โดยเฉพาะ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วมาในสี Grasmere Green และยางสำหรับการใช้งานในทุกฤดูกาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดขนาด 255/60R20 พร้อมฝาปิดเซ็นเตอร์แคปที่เข้าชุด การตกแต่งภายนอกสมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยกราฟิกฉลอง 75 ปี
ภายในห้องโดยสารที่อเนกประสงค์ไว้ โดยตกแต่ง Cross Car Beam ด้วยการพ่นสีขาวและมีรายละเอียดการสลักกราฟิกฉลอง 75 ปีด้วยเลเซอร์บนฝาปิดเอนด์แคป เบาะนั่งหุ้มด้วย Resist Ebony บริเวณแผงคอนโซลกลางใช้วัสดุ Robustec ที่เป็นโครงสร้างที่แข็งแรงทนทานที่สุดสำหรับรุ่น Defender
พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน นวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงกล้อง 3D แบบรอบทิศทาง ระบบขับขี่ตามสภาพพื้นผิวถนนที่ออกแบบเองได้ ระบบเสียง Meridian ไฟหน้า Matrix LED ระบบอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro ขนาด 11.4 นิ้ว จอแสดงผล Head-Up Display และที่ชาร์จอุปกรณ์แบบไร้สาย ยังมีฟีเจอร์หลังคาผ้าพับได้หรือหลังคาพาโนรามิกแบบเลื่อนได้ และมาพร้อมความสะดวกสบายแบบเหนือชั้น ด้วยเบาะนั่งไฟฟ้า 14 ทิศทางสำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ระบบปรับอากาศแบบแยกสามโซน
Land Rover Defender 75th Limited Edition ใช้ระบบไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) หรือ P400e ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Ingenium PT204 300 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 143 แรงม้าและความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 19.2 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันจะได้แรงม้ามากถึง 404 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร
วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 43 กม. ความเร็วสูงสุด 209 กม/ชม. ยังให้ความเร็ว 0-100 กม./ชม.ในเวลา 5.6 วินาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Terrain Response 2 พร้อมเกียร์ 4WD แบบ twin-speed transfer box และระบบล็อกเฟืองท้าย Differential Controls มาพร้อมกับสายชาร์จ Mode 2 ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สายชาร์จ Mode 2 จะใช้เวลาประมาณเจ็ดชั่วโมงในการชาร์จให้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการชาร์จที่บ้านแบบข้ามคืนและด้วยการใช้ตัวชาร์จแบบชาร์จไวขนาด 50 กิโลวัตต์ทำให้รุ่น P400e ชาร์จได้ถึง 80 %ภายใน 30 นาที
ความเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Limited Edition ช่วยตอกย้ำความมั่นใจว่านี่คือรถรุ่น Defender ที่น่าสะสม โดยมีเพียง 10 คันในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 7,599,000 บาท พร้อม Land Rover Care นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี