ทุกวันนี้ค่ายรถยนต์จากจีนบุกตลาดเมืองไทยเต็มรูปแบบมากว่า 10 ปี โดยมีค่ายหลักๆที่ยึดตลาดทั้งขายและผลิตอย่างเบ็ดเสร็จ
ไม่ว่าจะเป็น MG, GWM ที่มีโรงงานเป็นของตนเองส่วนแบรนด์ BYD กับ NETA ที่อยู่ในช่วงการก่อสร้างโรงงานในไทยพร้อมเปิดไลน์ในช่วงปีหน้า ยังไม่นับถึงแบรนด์ GAC ที่ประกาศลงทุนกว่า 6,400 ล้านบาท และล่าสุดกับ Changan ที่ประกาศลงทุนในไทย 9,800 ล้านบาท และยังมีค่ายรถจีนอีกหลายค่ายที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเชิญชวนให้มาลงทุนในไทยผ่านทาง BOI หรือคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. โดยทุกรายแสดงความสนใจลงทุนผลิต EV ในประเทศไทย
พร้อมสนับสนุนไทยให้เป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค เนื่องจากมองว่าไทยมีนโยบายเชิงรุกในการส่งเสริม EV แบบครบวงจร มีซัพพลายเชนของชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่พร้อมรองรับการผลิต EV ทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งตลาดในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวสูง นอกจากนี้ ทุกรายยังให้ความสนใจกับการขยายมาตรการสนับสนุน EV หรือ EV 3.5 ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) โดยมีทั้งแบรนด์ GEELY, JAC และ Jiangling Motors (JMC)
แต่แบรนด์ทีมีแนวโน้มสูงที่จะบุกตลาดรถเมืองไทยนั่นก็คือ GEELY หลังจากที่เคยส่งรถเอสยูวี Proton พื้นฐาน GEELY มาวิ่งทดสอบในไทยรวมถึงเชิญสื่อมวลชนสายรถยนต์ไปทดลองขับรถ GEELY กันที่ลาวและล่าสุดผู้ใช้ FB รายหนึ่งบังเอิญเจอรถยนต์รุ่นหนึ่งแน่นอนว่าเป็นรถพรีเมียมที่ชื่อ LYNX&CO เป็นรถเก๋งพรางตัวหลังห้างแถวศรีนครินทร์
นั่นคือ LYNX&CO 03 ซับคอมแพ็คซีดานที่เปิดตัวในจีนตั้งแต่ปี 2018 และปรับโฉมครั้งแรกเมื่อช่วงกันยายนปีที่แล้ว ปรับในส่วนหน้าตาทั้งด้านหน้าตั้งแต่ ไฟหน้า DRL แนวตั้งเส้นสองเส้นบนฝากระโปรง กระจังหน้าช่องระบายอากาศทรงเล็กประกบไฟหน้า LED สามดวง โดยมีเส้นสีเดียวกับตัวรถรูปตัว A ล้อมไว้ พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ในชุดกันชนหน้าพร้อมสเกิร์ตในตัว ออกแบบให้เล็กและเรียวขึ้น ล้ออลัลอยสปอร์ตโฉบเฉี่ยว เลือกได้ทั้งขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/60R16 ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50R17 และ 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/45R18
ด้านท้ายออกแบบใหม่ด้วยไฟท้าย LED แนวยาวสีรมดำคล้ายรถ Peugeot แถมออกแบบกันชนหลังสไตล์สปอร์ตด้วยลิ้นสปอยเลอร์หลัง สีดำ กับสปอยเลอร์หลังที่มีตั้งแต่ขนาดเล็ก Built In กับตัวรถ ไปจนถึงทรงสูง และตำแหน่งป้ายทะเบียนถูกไปอยู่ในชุดกันชนหลัง โดยสร้างจากแพลตฟอร์ม CMA ด้วยความยาว 4,684 มม. ความกว้าง 1,843 มม. ความสูง 1,460 มม. ฐานล้อ 2,730 มม. และน้ำหนักรถ 1,454-1,522 กก.
ภายในหรูหราดุจรถยุโรปไฮเอนด์ กับการใช้วัสดุตกแต่งอย่างดี และบรรจง ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้หุ้มเบาะรถหรือหนังสัมผัสที่คอนโซลหน้า คอนโซลกลางและแผงประตู พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่รองรับการสื่อสารเชื่อมต่อทั้งระบบอินเตอร์เน็ต
รุ่นปรับโฉมนั้นมาพร้อมพลังเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร JLH-4G20TDC 254 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,800 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT แรงขั้นสุดกับเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร JLH-4G20TDH 265 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก Aisin และน้องเล็กสุดแรงกับ เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร BHE15-EFZ 181 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 196 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,500 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT
แต่ถ้ายังชอบรักษ์โลกยังมีเบนซินเทอร์โบ Plug In Hybrid 1.5 ลิตร DHE15-ESZ 150 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 225 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,000 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงถึง 245 แรงม้าแรงบิด 545 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT 3 สปีด ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อนหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
จับตาแล้วว่า GEELY ที่จะมาบุกเมืองไทยครั้งนี้จะเอาแบรนด์ไหนเข้ามาทำตลาดจะเป็นแบรนด์ GEELY, LYNX&CO, Proton หรือ Smart และทิศทางการตลาดในไทยจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม
ที่มาภาพ Yuttaphorn Kanjai, BOI
