หลังจากเปิดตัวรถใหม่เงียบๆในงาน Motor Expo 2023 ด้วย KIA Sorento เจนที่ 4 และความเคลื่อนไหวว่าบริษัทแม่จากเกาหลีจะบุกเมืองไทยเต็มตัวหรือไม่
ล่าสุด “เกีย คอร์ปอเรชัน” ประกาศตั้ง บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ดูแลการดำเนินงานในประเทศไทยครอบคลุมด้านการขาย การตลาด การบริการหลังการขาย และเครือข่ายผู้จำหน่าย รถยนต์ KIA โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มกราคมนี้
สำหรับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท ตั้งสำนักงานใจกลางเมือง เลขที่ 100 อาคารสาธรนคร ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ตามข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าประเภทธุรกิจตอนจดทะเบียนนั้นเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถกระบะรถตู้ และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน วัตถุประสงค์ประกอบกิจการ เป็นการนำเข้า ส่งออก จำหน่าย (ทั้งปลีกเเละค้าส่ง) เเละยานพาหนะทุกประเภทซึ่งประกอบเสร็จเเล้ว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ อะไหล่ ชิ้นส่วน ส่วนประกอบ เเบตเตอรรี่ วัสดุ เเละอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ เเละยานพาหนะทุกประเภทซึ่งประกอบเสร็จเเล้ว
ในวันเปิดตัวบริษัท ฯ จะมีการให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ แผนการตลาดและการขายของ ภาพรวมการดำเนินงานของเกียในระดับโกลบอล ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยทีมผู้บริหารของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ทั้ง มร. จุน โอ อี ประธาน มร.ฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ และการตลาด และ คุณณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย พูดกันง่ายๆเลยว่าบริษัทใหม่พร้อมแล้วในการการดำเนินธุรกิจชอย่างเต็มรูปแบบและส่งผลให้ ยนตรกิจ เกียมอเตอร์ ผู้จำหน่ายที่ขายมากว่า 20 ปี ลดสถานะมาเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้จำหน่าย
ปัจจุบัน KIA มีการจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ KIA Carnival แต่ปีนี้ที่จะเปิดตัวและขายอย่างเป็นทางการประเดิมด้วย KIA Sorento เจเนอเรชันที่สี่ด้วยหน้าตาก่อนปรับโฉมเริ่มที่ กระจังหน้าลายเสือหรือ Tiger Face พร้อมตราโลโก้ KIA ไฟหน้า LED 3 ดวงสว่างไสวในยามค่ำคืน พร้อม DRL LED แบบ Multi Face Reflector และ Projection รับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมช่องระบายอากศสองจุดเล็กจุดใหญ่รูปตัวยู ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า LED
กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว ราวหลังคา หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ ไฟท้าย LED ออกแบบเป็นแนวตั้งสองจุดพร้อมฝาท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (เปิด-ปิดอัตโนมัติ) ด้วยระบบ Smart Tailgate พร้อมกันชนหลังใหม่ทูโทนเสริมคิ้วสีเงินและย้ายตำแหน่งไฟถอยมาที่ใต้กันชนหลัง เสาอากาศครีบฉลาม คิ้วขอบล้อกลมกลืนกับบังโคลนหน้า-หลังพร้อมล้ออัลลอยลายทูโทนขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55R19 จากค่าย Goodyear
ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม Hyundai-Kia N3 พื้นฐานเดียวกับ Hyundai Santa FE ใหญ่ขึ้นทุกมิติตั้งแต่ความยาว 4,810 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร ความสูง 1,700 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,815 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากใต้ท้องรถ 174 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,835-2,056 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 47 ลิตรในรุ่น PHEV และ 67 ลิตรในรุ่น HEV
ภายในแตกต่างจากรุ่นปรับโฉมตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าดีไซน์อลังการตั้งแต่ชุดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล 12.3 นิ้วกับจอสัมผัส 10.25 นิ้วอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ HUD 8 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน คอนโซลกลางดีไซน์รูปตัว H ด้วยช่องแอร์แนวตั้งสองจุดคั่นกลางด้วยสวิตช์เครื่องปรับอากาศแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมลำโพง BOSE 12 จุด และ 6จุดมาตรฐานให้เลือก หัวเกียร์ดีไซน์แบบหมุน Shift-by-Wire ซันรูฟแบบพาโนรามา ที่ชาร์จมือถือแบบไร้สาย ความสบายแบบ 3 แถว 6 หรือ 7 ที่นั่ง
เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมบันทึกความจำ 2 ตำแหน่งพร้อมหนุนหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง และปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางให้เลือก และคนนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ให้เลือก พร้อมอุ่นเบาะและระบายอากาศที่เบาะคู่หน้า เบาะหลังพับได้แบบ 40/20/40 หรือ 40/40 ในตอนสองและตอนสามพับได้แบบ 50/50 โดยมีพื้นที่วางของ 187 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะทั้งสองตอนท้าย ถ้าพับตอนที่สามมีพื้นที่ 616 ลิตร และถ้าพับสองตอนท้ายมีพื้นที่ 2,011 ลิตร ระบบแจ้งเตือนผู้โดยสารตอนหลัง กุญแจรีโมทพร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกลและสีภายในใหม่เข้มแบบสีเทาดำ
ขุมพลังสำหรับตลาดเมืองไทยชัดเจนแล้วว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Smartstream G T-GDI ขนาด 1.6 ลิตร Hybrid ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500 ถึง 4,500 รอบต่อนาที มีให้เลือกถึงสองความแรงทั้งรุ่น Full Hybrid- HEV จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 แรงม้าที่ 1,600 ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 264 นิวตันเมตรที่ 0 ถึง 1,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไออนความจุ 1 kWh ให้กำลังรวม 230 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
รุ่น Plug In Hybrid-PHEV กำลังเครื่องเดียวกับรุ่น HEV แต่จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 67 แรงม้าที่ 2,100 ถึง 3,300 รอบต่อนาที แรงบิด 304 นิวตันเมตรที่ 0 ถึง 2,100 รอบต่อนาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไออนความจุ 14 kWh ให้กำลังรวม 265 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Active AWD โดยขาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 3.3 kW ชาร์จได้ถึง 3.25 ชั่วโมง 15-95% วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 68 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP พร้อมเทคโนโลยี DRIVE WiSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัย
มีให้เลือกถึงสามรุ่นย่อยทั้งรุ่น Smart Plus HEV FWD, Premium HEV FWD และรุ่น Premium Plus PHEV AWD นำเข้าจากมาเลเซียโรงเดียวกับรุ่น Carnival ที่ KIA Malaysia Sdn Bhd เป็นบริษัทร่วมทุนโดย KIA และ Bermaz Auto Berhad ตั้งอยู่ที่โรงงาน Inokom ในเมือง Kulim รัฐ Kedah ตามสิทธิ์ AFTA หรือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกลุ่มประเทศอาเซียน
ข้อมูลต่างๆทั้งรถใหม่ KIA Sorento รวมถึงการทำตลาดรุ่นอื่นๆทั้งสันดาป ไฮบริด และไฟฟ้าล้วน รวมถึงรูปแบบธุรกิจ การตั้งเป้ายอดขาย เครือข่ายผู้จำหน่ายและแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย จะเกิดขึึ้นจริงหรือไม่ 31 มกราคมนี้ มีคำตอบและทางเราจะมานำเสนอในครั้งต่อไป