รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนมกราคมมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในส่วนยอดขายกลุ่มรถยนต์นั่ง BYD สามารถแซงขึ้นอันดับ 1 จาก Toyota ได้สำเร็จ
โดยยอดขายรถยนต์เดือนมกราคมปี 2567 ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,412 คัน เพิ่มขึ้น 2.4% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 31,402 คัน ลดลง 26.5% และรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขายที่ 17,938 คัน ลดลง 43.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เปิดฤดูกาลขายตามดัชนีการขายประจำไตรมาสแรกของปีที่มักชะลอตัว โดยตลาดรถยนต์นั่ง มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นและตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลงเนื่องจากผู้บริโภคกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังฟื้นตัวช้า ประกอบกับความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ และน่าจะเป็นครั้งแรกของปี 2567 กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งอย่าง บีวายดี สามารถขึ้นอันดับ 1 จากแชมป์เก่าโตโยต้า ได้สำเร็จ ด้วยตัวเลข 6,214 คัน ส่วนแบ่งตลาด 26.5% จากตัวเลข 23,412 คัน
เดือนกุมภาพันธ์ตลาดรถยนต์มีแนวโน้มที่จะขยับตัวดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชนปี 2567 อาทิ มาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt การปรับลดค่าไฟฟ้า และการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยว ส่งผลให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น พร้อมกับการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่จากหลายค่ายในช่วงต้นปี ซึ่งส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม 2567
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 54,814 คัน ลดลง 16.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,526 คัน ลดลง 26.3% ส่วนแบ่งตลาด 32%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 8,298 คัน เพิ่มขึ้น 17.4% ส่วนแบ่งตลาด 15.1%
อันดับที่ 3 อีซูซุ 7,930 คัน ลดลง 45.9% ส่วนแบ่งตลาด 14.5%
อันดับที่ 4 บีวายดี 7,806 คัน เพิ่มขึ้น 650.6% ส่วนแบ่งตลาด 14.2%
อันดับที่ 5 ฟอร์ด 1,983 คัน ลดลง 41.3% ส่วนแบ่งตลาด 3.6%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,412 คัน เพิ่มขึ้น 2.4%
อันดับที่ 1 บีวายดี 6,214 คัน ส่วนแบ่งตลาด 26.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,145 คัน ลดลง 40.6% ส่วนแบ่งตลาด 22%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 4,608 คัน ลดลง 9.2% ส่วนแบ่งตลาด 19.7%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 1,210 คัน ลดลง 22.2% ส่วนแบ่งตลาด 5.2%
อันดับที่ 5 เอ็มจี 1,166 คัน ลดลง 21.3% ส่วนแบ่งตลาด 5.0%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 31,402 คัน ลดลง 26.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,381 คัน ลดลง 18.2% ส่วนแบ่งตลาด 39.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 7,930 คัน ลดลง 45.9% ส่วนแบ่งตลาด 25.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 3,690 คัน เพิ่มขึ้น 84.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.8%
อันดับที่ 4 ฟอร์ด 1,982 คัน ลดลง 41.3% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%
อันดับที่ 5 บีวายดี 1,592 คัน เพิ่มขึ้น 53.1% ส่วนแบ่งตลาด 5.1%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 17,938 คัน ลดลง 43.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,958 คัน ลดลง 36.9% ส่วนแบ่งตลาด 44.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 6,926 คัน ลดลง 48.9% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,982 คัน ลดลง 41.3% ส่วนแบ่งตลาด 11%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 703 คัน ลดลง 59.1% ส่วนแบ่งตลาด 5.2%
อันดับที่ 5 นิสสัน 276 คัน ลดลง 24.8% ส่วนแบ่งตลาด 1.5%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 3,074 คัน ลดลง 43.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 1,111 คัน ลดลง 50.7% ส่วนแบ่งตลาด 36.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 1,023 คัน ลดลง 40.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 705 คัน ลดลง 24.2% ส่วนแบ่งตลาด 22.9%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 186 คัน ลดลง 60.5% ส่วนแบ่งตลาด 6.1%
อันดับที่ 5 นิสสัน 49 คัน ลดลง 50.5% ส่วนแบ่งตลาด 1.6%
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 14,864 คัน ลดลง 43.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,847 คัน ลดลง 33.8% ส่วนแบ่งตลาด 46.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 5,903 คัน ลดลง 50.1% ส่วนแบ่งตลาด 39.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,277 คัน ลดลง 47.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.6%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 517 คัน ลดลง 58.5% ส่วนแบ่งตลาด 3.5%
อันดับที่ 5 นิสสัน 227 คัน ลดลง 15.3% ส่วนแบ่งตลาด 1.5%