BMW R 1300 GS ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ตัวท็อป มาพร้อมกับการอัปเดตใหม่ที่ดีกว่าเดิม บอกได้เลยว่ามันคือตัวจบของสายทัวร์ริ่ง-แอดเวนเจอร์
ในครั้งนี้เรามีโอกาสได้เข้าร่วมทริปขับขี่ BMW R 1300 GS หลังจากที่ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2024 ที่ผ่านมา โดยตัวรถมาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ สู่สไตล์การออกแบบที่โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว อีกทั้งยังถูกอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมาช่วยเสริมความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
สำหรับการขับขี่เริ่มต้นขึ้นด้วยที่ Enduro Park Thailand เพื่อทำความคุ้นชินกับ R 1300 GS ก่อนออกไปสู่เส้นทางการขับขี่แบบออนโรด และ ออฟโรด ก่อนอื่นเลยต้องบอกไว้ก่อนว่าเราไม่เคยได้สัมผัสกับ R 1250 GS มาก่อนจึงไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีความแตกต่างอย่างไรในแง่ของฟีลลิ่งการขับขี่ แต่จะมาเล่าในฐานะผู้ขับขี่ยานแม่ตระกูล GS ครั้งแรกให้ได้ทราบกันว่าเป็นอย่างไร
สิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อขึ้นไปอยู่บนหลังของ R 1300 GS คือ ถูกออกแบบใหม่มาให้มีความเพรียวบางกว่ารุ่นก่อนหน้า ในจุดนี้บอกว่าเมื่อรวมเข้ากับตำแหน่งแฮนด์ และตำแหน่งผู้ขับขี่แล้วให้ความกระชับได้อย่างลงตัวสามารถนั่งและยืนขับขี่ ได้อย่างมันคง ที่สำคัญก่อนออกสตาร์ทระบบเทคโนโลยีของตัวรถออกแบบมารองรับไซส์คนเอเชียมากขึ้น โดยส่วนของเบาะนั่งจะโหลดตัวลงอัตโนมัติมาในระดับต่ำที่สุด คือ 820 มม. ทำให้ผู้ขับขี่ที่สูงประมาณ 169 ซม. สามารถยืนเหยียบเท้าลงพื้นได้เกือบเต็มทั้งสองข้าง แต่เมื่อขับขี่ในความเร็วมากกว่า 50 กม./ชม.แล้วตัวเบาะยกกลับขึ้นไปอยู่ในความสูงที่ 850 มม. และจะโหลดลงต่ำอีกครั้งเมื่อใช้ความเร็วที่ต่ำกว่า 25 กม./ชม. ทำให้ผู้ขับขี่ที่มีส่วนสูงไม่มากสามารถประคองรถในความเร็วได้อย่างง่ายดาย และในจุดนี้ทำอย่างแนบเนียนมากๆ ไม่รู้สึกถึงการลด-เพิ่มความสูงได้เลยขณะขับขี่
ฟีลลิ่งการขับขี่บอกเลยว่าพละกำลังของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 1,300 ซีซี. ให้พละกำลังที่เพียงพอกับการใช้งานอย่างไม่ต้องอธิบายให้มากความ ส่วนพละกำลังสูงสุด 145 แรงม้า และแรงบิด 149 นิวตันเมตร R 1300 GS สามารถส่งผ่านคันเร่งไฟฟ้าได้อย่างละเอียด และนุ่มนวล ( แต่ถ้าหากเผลอๆ เปิดคันเร่งไม่เนียนก็ มีเหวออยู่เหมือนกัน ) ตอบสนองการเร่งได้อย่างรวดเร็ว ส่วนโหมดการขับขี่ 4 โหมด Rain, Road, Dynamic และ Enduro ให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ให้อัตราตอบสนองคันเร่ง และระบบความปลอดภัยที่ที่แตกต่างกัน ที่สำคัญหากเลือกใช้โหมดได้ตรงตามสภาพการขับขี่บอกเลยว่าทำให้คุณได้สนุกไปกับทุกเส้นทางได้จริงๆ นอกจากนี้ในโหมด Road, Dynamic และ Enduro สามารถเซ็ทตั้งค่าอย่างละเอียดได้อีกด้วย
จากที่ได้ลองขับขี่บนเส้นทางของออนโรด ก็ต้องบอกเลยว่า R 1300 GS มันเป็นหนึ่งในรถทัวร์ริ่งที่ครบเครื่องเลยก็ว่าได้นอกจากพละกำลังแล้ว ยังมีระบบเทคโนโลยีมาเสริมความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วยไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนการชนด้านหน้า Front Collision Warning และ ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Active Cruise Control ซึ่งจะมีการทำงานเหมือนกับที่ใช้ในรถยนต์ โดยตัวรถจะสามารถ เร่ง ชะลอ ความเร็ว เองได้โดยจะมีเรดาห์ที่ด้านหน้าทำหน้าที่คำนวณระยะห่าง – ความเร็ว นอกจากนี้ยังมีเรดาห์ที่ด้านหลัง ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบแจ้งเตือนเป็นสัญญาณไฟบนกระจกมองข้างเมื่อมีรถที่กำลังจะแซงมาจากข้างหลังอีกด้วย
ถัดมาในส่วนการทำงานของช่วงล่างระบบกันสะเทือนแบบ EVO Telelever ที่ด้านหน้า และระบบกันสะเทือนแบบ EVO Paralever มอบสมรรถนะในการขับขี่บนเส้นทางออนโรดได้อย่างเฉียบคม และมีความนิ่งหนึบเกาะติดถนนมากๆ ในจุดบอกเลยว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนบนเส้นทางออฟโรดในโหมด Enduro กับ ช่วงล่างมีความสอดคล้องกัน และสามารถซับแรงได้ดีมากๆ เมื่อต้องเจอกับหลุม บ่อ เนิน ยังให้ความมั่นคงในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการนั่งขับขี่ หรือยืนขับขี่
และจากที่ได้สัมผัสมาจะบอกว่าเมื่อได้ขับขี่จริงๆ แล้ว เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ง่ายกลับไม่รู้สึกว่ากำลังฟัดอยู่กับรถขนาด 1,300cc แต่กลับให้ฟีลลิ่งเหมือนขับขี่อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คลาส 700cc. เสียมากกว่า แต่นั้นก็อาจเป็นเพราะตัวถังที่ถูกออกแบบมาให้มีความเพรียวกว่ารุ่นก่อนหน้า บวกกับความสูงของเบาะที่ปรับให้อัตโนมัติทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ฟีลลิ่งการขับขี่ทางดำและทางฝุ่น สมรรถนะเครื่องยนต์และระบบช่วยเหลือต่างๆ ทำให้ขับขี่ได้อย่างสบายใจในทุกเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีมีอีกหนึ่งจุดที่น่าประทับใจคือตัวรถได้ติดตั้งระบบช่วยยกรถเมื่อเรายกขาตั้งคู่ขึ้นมาให้อีกด้วย ซึ่งตัวรถจะใช้โช้คอัพเป็นตัวช่วยในการยกรถทำให้สามารถขึ้นตั้งขาตั้งคู่ได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหากจะบอกว่า R 1300 GS เป็นรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ตัวจบคงจะไม่เกินจริงเลย เพราะสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานทางดำและทางฝุ่น เมื่อรวมเข้ากับเทคโนโลยีที่มีอยู่มันช่วยตอบสนองทั้งในเรื่องของความสบายในการขับขี่ และความปลอดภัยได้อย่างครบเครื่องที่สุด หากคุณเคยขี่บิ๊กไบค์มาก่อนแล้วจะข้ามมาเป็น 1,300cc. ก็บอกเลยว่าสามารถทำได้เพราะตัวรถมีความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์อยู่พอสมควร และเชื่อเลยว่าต้องมีหลายๆ คนอาจจะขัดใจกับดีไซน์หน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่บอกเลยว่าถ้าได้ลองมาขี่เองแล้วจะติดใจจนลืมเรื่องนี้ไปเลย และที่สำคัญจะได้รู้ว่า R 1300 GS ทำไมถึงยังคงเป็น King Of Adventure
และนี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนรายละเอียดสำคัญเท่านั้น จริงๆ แล้ว R 1300 GS ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่าง และในครั้งหน้าเราจะมารีวิวแบบเต็มให้ทุกคนได้ทราบกันอีกครั้ง สำหรับผู้ที่สนใจ BMW R 1300 GS มีให้เลือกด้วยกัน 3 เฉดสี คือ สีดำ Black Storm Metallic มีราคาจำหน่าย 1,125,000 บาท สีน้ำเงิน Racing Blue Metallic ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง มีราคาจำหน่าย 1,125,000 บาท และสีเขียว-ทองสุดหรูหราในเฉด Option 719 Aurelius Green Metallic ราคาจำหน่าย 1,205,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook :Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day