GWM เข้าร่วมงาน Motor Expo 2024 ด้วยส่งรุ่นใหม่ครั้งแรกมาโชว์ดักคอในงานถึงด้วยกัน 2 รุ่นนอกจาก GWM TANK 700 Hi4-T แล้วยังมี GWM WEY 80
GWM WEY 80 หรือ GWM WEY GAOSHAN เปิดขายจีนมาตั้งแต่ปี 2023 และเป็นคู่กัดของเพื่อนร่วมชาติทั้ง ZEEKR 009 XPENG X9 MG MAXUS 9 และ DENZA D9
ภานนอกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มครอบครัวได้อย่างครอบคลุมทั้งความสะดวกสบายและความหรูหราด้วยชุดกระจังหน้าทรงสีเงินแนวตั้ง 14 ซี่ ปะตราโลโก้เด่นพร้อมขอบสีเงินล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime ชุดกันชนหน้าทรงหรูเสริมคิ้วแนวนอนใต้กันชนหน้า
พร้อมชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูนที่เปิดประตูดึงก้าน
ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้าติดตั้งออปชันเสริมความสบายด้วยประตูดูดไฟฟ้าทั้งในส่วนประตูคู่หน้าและประตูสไลด์สองฝั่ง และล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 245/50R18 ตัวรถมีดังนี้
- ความยาว 5,250 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,920 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 155 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,764-2,865 กิโลกรัม
ภายในมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะมอบความรู้สึกเหมือนกับบ้านหลังที่สองให้กับผู้ขับขี่ด้วยตู้เย็นขนาดใหญ่สที่สามารถเปิดได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่างร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิสองโหมดได้แก่ โหมดทำความเย็น (0-15 องศาเซลเซียส) และโหมดทำความร้อน (35-50 องศาเซลเซียส) มาพร้อมปริมาณความจุที่ให้มาถึง 12.5 ลิตร มอบความสะดวกสบายแบบเหนือระดับยิ่งกว่าใคร
อีกทั้งระบบเสียง Harman Kardon ที่มาพร้อมลำโพงรอบทิศทางมอบประสบการณ์เสียงในรูปแบบใหม่ ๆ เสมือนกับนั่งฟังในโรงละครโอเปร่า นอกจากนี้ยังมอบความเงียบในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี เมื่อความเร็วอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงห้องโดยสารจะถูกควบคุมอยู่ที่ 65 เดซิเบล ควบคู่กับเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนของเครื่องยนต์ (HALOSonic EOC) ให้ตลอดทั้งเส้นทางไร้ซึ่งสิ่งรบกวนสู่ประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นมาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศระบบพลาสมา ระบบทำความสะอาดอากาศในห้องโดยสารอัจฉริยะ Air Quality System (AQS) และม่านบังแดดสำหรับแถวที่ 2 และ 3 อีกด้วย นับว่าเป็นรถยนต์ที่มอบความสะดวกสบายผ่านเทคโนโลยีเหนือระดับได้อย่างลงตัว
ขุมพลังเป็นเบนซินเทอร์โบแปรผันปลั๊กอินไฮบริด 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร รหัส E15BD ให้กำลัง 156 แรงม้า แรงบิด 235 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent magnet synchronous motor ให้กำลัง 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตรในส่วนล้อหน้า และล้อหลัง 184 แรงม้า แรงบิด 232 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 37.96kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 487 แรงม้า แรงบิดรวม 762 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 140 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 26 นาทีและชาร์จกระแสสลับ AC 15-100% กำลังไฟ 6.6 kW ภายใน 6 ชั่วโมง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ประหยัด 80 กิโลเมตรต่อลิตรตามาตรฐาน WLTC จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT Dedicated Hybrid Transmission
อีกขุมพลังแรงเป็นเบนซินเทอร์โบแปรผันปลั๊กอินไฮบริด 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร รหัส E15BE ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent magnet synchronous motor ให้กำลัง 109 แรงม้า แรงบิด 170 นิวตันเมตรในส่วนล้อหน้าและล้อหลัง 184 แรงม้า แรงบิด 232 นิวตันเมตร
พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 44.28kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 458 แรงม้า แรงบิดรวม 644 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 170 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 26 นาทีและชาร์จกระแสสลับ AC 15-100% กำลังไฟ 6.6 kW ภายใน 6.5 ชั่วโมง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ประหยัด 111 กิโลเมตรต่อลิตรตามาตรฐาน WLTC จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT Four-speed hybrid
ทั้งคู่มาพร้อมระบบ Braking Energy Regeneration และ One Pedal โดยโชว์ดักคอที่งาน Motor Expo 2024 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี