อีกไม่กี่วันงาน Motor Expo 2024 กำลังจะเปิดม่านแสดงโชว์ยนตกรรมรุ่นใหม่จากหลายประเทศและอีกหนึ่งรุ่นที่เตรียมเปิดตัวในไทยนั่นคือ BYD SEALION 7
BYD SEALION 7 หนึ่งในรถใหม่ 5 รุ่นที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยต่อจาก BYD ATTO 3 MY2024, BYD Dolphin CKD, BYD SEALION 6 CKD, BYD M6
ล่าสุดทีมงาน Car2Day บังเอิญพบเจอรถรุ่นนี้จอดแถวๆศรีนครินทร์คาดว่าอาจเป็นรถของผู้บริหารของทาง Rêver Automotive โดยเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ด้านหน้าหล่อคล้ายๆ BYD SEAL U ตั้งแต่ภายนอกด้วยไฟหน้า LED รูปตัว C พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวดีไซน์หลบมุมซ้ายขวามีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกันพร้อมตรา BYD
กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรปหลังคาแบบ Panoramic Glass Roof มาพร้อมเทคโนโลยีการตัดแสงและรังสียูวี ป้องกันความร้อนเข้าสู่ห้องโดยสารกระจกมองข้างปรับองศาอัตโนมัติพร้อมระบบ Mirror Memory และระบบทำความร้อนไล่ฝ้า เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง กระจกบังลมหน้าและหน้าต่างแถวหน้าแบบเก็บเสียง และหน้าต่างส่วนตัวผู้โดยสารตอนหลัง
ไฟท้าย LED ออกแบบรูปตัวเอลากยาวอย่างต่อเนื่องติดตรา BYD รับกับกันชนหลังดีไซน์ตัวซีพร้อมดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันชนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา คิ้วขอบล้อทรงสปอร์ตรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R20 จากค่าย MICHELIN และมีขนาด 19 นิ้วให้เลือกพร้อมยางขนาด 235/50R19 และ 255/45R19
สร้างจากแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 ดีไซน์โดย Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบค่ายที่เคยฝากผลงานในอดีตกับค่าย AUDI โดยได้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ BYD Ocean X รุ่นนี้อยู่กึ่งกลางรุ่น ATTO3 และรุ่น SEAL U มีมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,830 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,925 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,620 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,155-2,330 กิโลกรัมเท่ากันกับรุ่น SONG L
ภายในหรูหราอย่างน่าประหลาดใจด้วยการดีไซน์มีความคล้ายกับ BYD QIN L ด้วยดีไซน์คอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้านแบบท้ายตัด ติดตั้งมาตรวัดความเร็ว 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว สามารถหมุนจอได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน
พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ HUD 50 นิ้ว ลำโพง Dynaudio 12 จุด ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light มากถึง 128 สี ระบบกุญแจ NFC ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด แท่นชาร์จมือถือไร้สายสองช่อง
เครื่องปรับอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมระบบฟอกอากาศประจุลบพร้อมกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึงระดับ CN95 น้ำหอมปรับอากาศเลือกได้ถึง 3 กลิ่น
กระจกบังลมหน้าและหน้าต่างแถวหน้าแบบเก็บเสียง และหน้าต่างส่วนตัวผู้โดยสารตอนหลังเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ตัดเย็บประณีตฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมกับระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ สามารถบันทึกตำาแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ Memory Seat ความจุห้องเก็บสัมภาระ 500 ลิตร
สเปกไทยด้วยไฟฟ้าพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) Blade Battery เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเรียกว่า Cell To Body หรือ CTB กับความจุแบตเตอรี่ 82.5 kW ระยะเวลาการชาร์จมาแบบกระแสตรง DC รองรับกำลังสูงสุด 150kW 10-80% ภายใน 30 นาที กับกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 11 kW มี 2 รุ่นเริ่มที่
รุ่น Extended Range เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.7 วินาที วิ่งไกลสุด 567 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
รุ่นท็อป AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิด 690 นิวตันเมตรจากมอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 542 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC
พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Comfort, Sport
มีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ พร้อม ช่วงล่างแบบปีกนกคู่ด้านหน้า และ Multi-Link ด้านหลัง ช่วยควบคุมการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล พร้อมความปลอดภัยครบครันทั้ง
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ช่วยเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTB)
- ช่วยขับขี่อัจฉริยะ DiPilot
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (ACC-S&G)
- แจ้งเตือนจํากัดความเร็วอัจฉริยะ (ISLI)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ISLC)
- เตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ (LDA)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC) ช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH) เซนเซอร์ช่วยจอด ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง แสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ตรวจสอบความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ (DFM) ตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) ถุงลมนิรภัยรอบคัน 11 จุด
BYD SEALION 7 เอสยูวีไฟฟ้าทรงสปอร์ตเตรียมเปิดตัวที่งาน Motor Expo 2024 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม โดยราคาจำหน่ายคาดว่าจะอยู่ที่ 1,100,000-1,279,000 บาท
ที่มาภาพ ทีมงาน Car2Day