หลังจากเปิดรับจองล่วงหน้าตั้งแต่ปีกลายสำหรับ NIO ET9 เก๋งใหญ่เรือธงที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์หวังพิชิตใจชาวจีนและทั่วโลก
NIO ET9 มาในร่างเก๋งใหญ่ทรง Liftback แต่ความจริงฝาท้ายเปิดได้เหมือนรถซีดานเป็นการผสมผสมานในงานดีไซน์สวยงามลงตัว
หน้าตาคล้ายเพื่อนร่วมชายคาอย่าง ES6 และ ES7 อันเฉียบคมเริ่มจากชุดกันชนหน้าทรงทึบไร้กระจังหน้าพร้อมชุดไฟหน้า LED ทรงตั้ง โดยส่วนล่างเป็นช่องระบายอากาศสีดำติดคิ้วเสริมกันชนหน้าสีเงิน โดยส่วนบนนั้นดีไซน์ฝากระโปรงลงตัวพร้อมโลโก้ NIO ประกบด้วยไฟส่องสว่าง Daytime LED แบบคู่ double-dash กระจกหน้ารถลามิเนตกันเสียงรบกวน
ด้านข้างโดดเด่นด้วยที่เปิดประตูดีไซน์ฝังเรียบพร้อมดีไซน์กระจกรถแบบ Frameless ไร้กรอบ ด้านท้ายเท่เด่นด้วยดีไซน์เก๋พร้อมไฟท้าย LED แนวยาวพาดขวางทับทั้งฝาประกอบด้วยโมดูล LED ตัดด้วยคริสตัลติดตั้งสปอยเลอร์แบบแอคทีฟ ตัวฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบไร้สัมผัสหนึ่งเดียวในเซกเมนต์นี้ที่ติดตั้งให้ และล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้วพร้อมยาง Pirelli PZERO ขนาด 265/40R23 เด่นที่โลโก้ตรงดุมล้อล็อกตำแหน่งไว้จึงไม่วิ่งตามล้อสร้างความเด่นชัดในการมองเห็น และยังมีขนาด 22 นิ้ว พร้อมยาง 255/45R22 ให้เลือก
รถอีวีคันนี้ตั้งใจท้าชนกับเหล่าตัวเอ้ทั้ง Tesla Model S, Mercedes-Benz EQS, BMW i7 รวมถึงคู่แข่งเครื่องสันดาปทั้ง Mercedes-Benz S-Class และ BMW 7-Series และเป็นรุ่นแรกของค่ายที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ NT 3.0 มีสถาปัตยกรรม 900V Architecture และเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก ONVO L60 ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ด้วยมิติตัวรถที่มีความสูงเทียบเท่ากับเอสยูวีคูเป้ ดังนี้
- ความยาว 5,324 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,016 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,620 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,250 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มิลลิเมตร
- ช่องใส่ของด้านหน้า Frunk 105 ลิตร
ภายในหรูหราลักชัวรีเทียบเท่าคู่แข่งนั่งสบายแบบ 4 ที่นั่งพร้อมชุดเบาะนั่งด้านหน้าและด้านหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ อุ่นเบาะ 16 จุด หุ้มหนัง NAPPA ขนาด 18 ตารางเมตร
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงหัวตัดท้ายตัด ในชุดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายติดตั้งจอมาตรวัดความเร็ว 5K แบบแถบยาวบางขนาด 48 นิ้วที่พาดขวาง จอสัมผัสกลางขนาดใหญ่ AMOLED 15.6 นิ้ว มีหน้าจอสำหรับผู้โดยสาร AMOLED ด้านหลัง 2 จอติดหลังเบาะคู่หน้าขนาด 14.5 นิ้วและจอแสดงผลกการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า AR HUD
มีหน้าจอขนาด 8 นิ้วในชุดแผงคอนโซลคั่นกลางระหว่างผู้โดยสารด้านหลังพิเศษตรงที่เบาะหลังสองที่นั่งสไตล์ VIP ปรับเอนได้ถึง 45 องศา ด้วยตัวเบาะมีความกว้าง 582 มิลลิเมตรเอนตัวได้ 135 องศาแบบสบายๆ มีโต๊ะพับปรับย้ายตำแหน่งไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้และมีตู้เย็นขนาดเล็ก 10 ลิตร รองรับอุณหภูมิตั้งแต่ -2 ถึง 55 องศาเซลเซียส พร้อมม่านบังแดด 7 จุดด้านหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้า ติดตั้ง SKY ISLAND หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแนวตั้ง 2 ฝั่ง
โดดเด่นด้วยระบบเสียง Dolby Atmos จากลำโพงของ NIO เองกับ LYRA 8.2.4.8 ทั้งหมด 35 จุด กำลังขับ 2,800 วัตต์ ประกอบด้วยลำโพงเสียงรอบทิศทาง 8 จุด ซับวูฟเฟอร์ 2 จุด ลำโพงบนหลังคา 4 จุด ลำโพงฝังในพนักพิงศีรษะ 8 จุด มอบประสบการณ์การชมภาพยนตร์พาโนรามา 5 มิติ สามารถชมหนังที่ฉายได้ต่อเนื่องแม้รถจะเคลื่อนที่
แรงด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่สองตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าแบบ Asynchronous 245 แรงม้า และคู่หลังแบบ Permanent Magnet Synchronous 462 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 707 แรงม้า (PS) วิ่งไกลสุด 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) หรือ 627 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC)
จากความจุแบตเตอรี่ NMC 120 kWh ด้วยเซลล์ 46105 เซลล์ ทำให้การชาร์จเร็วสั้นสุด 5 นาที เพิ่มระยะทางได้อีก 255 กิโลเมตรและในกรณีแบตเตอรี่สามารถสลับเปลี่ยนได้สามารถชาร์จเต็มเร็วสุด 3 นาที และให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 4.3 วินาที
ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยชิปประมวลผลจาก Shenji NX9031 พัฒนาโดย NIO ด้วยเทคโนโลยีชิปเซ็ต 5 Nm จำนวน 2 ตัว ด้วยพลังการประมวลผลจากชิป 1 ตัวนั้นเกินกว่ากว่า 1016 TOPS ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Adam ด้วยอัลกอริธึมการลดสัญญาณรบกวน AI ช่วยให้ระบุวัตถุในสภาพที่แสงน้อยได้ จากการสาธิตของ CEO ค่าย NIO ด้วยการแสดงภาพทะเลสาบช่วงกลางคืนที่ไม่สามารถมองเห็นได้แต่หลังจากที่ใช้อัลกอริธึมแล้วจะมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
พร้อมความปลอดภัยติดตั้งเซนเซอร์ LIDAR 3 ตัว มีเรดาห์ถ่ายภาพด้วยความยาวคลื่นมิลลิเมตร 4 มิติ มีเซนเซอร์รอบคันถึง 31 จุด ทำหน้าที่ตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็วและทำงานร่วมกับระบบปฎิบัติการ SkyOS
นอกจากนี้ยังมีกระจกมองหลังแบบดิจิตอล มีแชสซีอัจฉริยะ Skyride ด้วยช่วงล่างแบบแอคทีฟสามรถปรับแรงบิกได้ถึง 1,000 ครั้งต่อวินาที พร้อมระบบลไฮดรอลิกแบบ fully active โดยโช้คอัพแต่ละตัวจะถูกควบคุมล้อทั้ง 4 ได้อย่างอิสระ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้ามุมสูงสุด 8.3 องศาและวงเลี้ยวแคบสุด 10.9 เมตร และถุงลมนิรภัยรอบคัน 9 จุด
NIO ET9 เปิดขายจีนถึง 4 รุ่นย่อยทั้งรุ่น BaaS, รุ่นปกติ, รุ่น 1st edition BaaS และรุ่น 1st edition ในราคาเริ่มต้น 660,000-818,000 YUAN หรือราว 3,119,000-3,869,000 บาท โดยรุ่น 1st edition จำนวนจำกัดเพียง 999 คัน เน้นการตกแต่งภายในหรูกว่าและตราสัญลักษณ์เฉพาะรุ่น และรุ่น BaaS สามารถเช่าแบตเตอรี่เป็นรายเดือนได้
ที่มา CarNewsChina