นอกจากเปิดตัว Subaru Forester Hybrid พลังฟูลไฮบริดแล้วยังแนะนำเวอร์ชันใหม่ตระกูลเจ้าป่าเน้นเท่และลุยในคันเดียวกับ Subaru Forester Wilderness
Subaru Forester Wilderness ปรับความหล่อเน้นลุยมากขึ้นกว่าเดิมด้วยชุดบอดี้พาร์ททั้งคันเน้นชุดแต่งสีเข้มผสมสีส้มโดดเด่นทั้งคัน
เริ่มที่ชุดแต่งสีดำกันกระแทกตั้งแต่กันชนหน้าดีไซน์โหดเสริมคิ้วใต้กันชนหน้าสีเงินทำจากโลหะ ไฟตัดหมอกหน้า LED ทรงกลมพิเศษให้ความสว่างกว่าเดิมในยามค่ำคืนพร้อมขลิบสีส้มสองฝั่งใต้กระจังหน้า ฝากระโปรงหน้าคาดด้วยสติ๊กเกอร์สีดำ กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมออกแบบใหม่ขยายใหญ่พร้อมกรอบส่วนล่างสีเดียวกับตัวรถไส้ในสีดำออกมาเป็นแนวตั้งและรังผึ้งในชุดเดียวกันดุดันกว่าพร้อมตราดาวลูกไก่
หลังคาซันรูฟ เสาอากาศครีบฉลาม ราวหลังคาดีไซน์ใหม่ทูโทน สีดำ/ส้มรองรับการขนของและการรัดสัมภาระแน่นกว่าเดิม คิ้วเสา D ตกแต่งสีดำขลิบส้ม กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ กาบข้างประตูตกแต่งพิเศษ ตกแต่งโลโก้ Forester สีส้ม
กันชนหลังออกแบบใหม่พร้อมโลโก้ตัวอักษร Subaru ขนาดใหญ่ ขลิบส้ม 2 ฝั่ง และที่ขาดไม่ได้คือ โลโก้เฉพาะ Subaru Wilderness ติดที่ประตูคู่หน้าและฝาท้าย คิ้วขอบล้อดีไซน์พิเศษ สอดรับความโหดด้วยล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/60 R17 แบบ AT ของ Yokohama GEOLANDER จากพื้นฐาน Subaru Global Platform ทำให้ตัวรถมีความสูงจากใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 236 มิลลิเมตร
ภายในยกดีไซน์เท่ไม่เหมือนใครตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าสวยพร้อมออปชันตั้งแต่ มาตรวัดความเร็วและรอบเครื่อง พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID 12.3 นิ้ว ระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัส 11.6 นิ้ว สไตล์ tablet-style infotainment รวมการทำงานความบันเทิงเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto
เครื่องปรับอากาศ Dual Zone ไว้ในที่เดียวกัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน มีช่องเสียบ USB ทั้ง Type-A และ Type -C เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold และที่ชาร์จมือถือไร้สาย และลำโพง Harman Kardon รอบคัน 10 จุด
เบาะนั่งคุณภาพหุ้มวัสดุที่ไม่ได้ทำจากหนังสัตว์ StarTex แบบกันน้ำและทำความสะอาดง่ายและหัวหมอนคู่หน้าปักโลโก้ Subaru Wilderness เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายขนาด 838 ลิตรกรณีไม่พับเบาะและพับเบาะมีพื้นที่มากขึ้นถึง 2,107 ลิตร
พิเศษด้วยสครัพเพลทชายประตูสี่บานและด้านท้ายออกแบบพิเศษเพื่อกันเศษ หิน ดิน โคลน และกันลื่นเข้ามาด้วยถาดหลัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมปุ่มความจำ
เครื่องยนต์ Boxer สูบนอนเอกลักษณ์เด่นด้วยเบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส FB25DI direct injection ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 238 นิวตันเมตรที่ 3,400-4,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT 8 สปีดพร้อมแพดเดิลชิฟต์
จับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive แบบ Active Torque Split AWD s พร้อม X-Mode ช่วยในส่งถ่ายกำลังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เลือกโหมดได้ทั้ง Snow/Dirt และ Deep Snow/Mud
พร้อมระบบกระจายแรงบิด (Active torque vectoring) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมยานพาหนะได้อย่างมั่นใจ และเร้าใจขึ้นด้วยโหมดการขับขี่ SI-Drive ทั้งโหมด Intelligent และ Sport
สามารถลากจูงได้ถึง 1,588 กิโลกรัม สามารถลุยได้ทุกรูปแบบทั้งมุมปะทะหรือ Approach angle อยู่ที่ 23.5 องศา(เดิม 19 องศา) มุมจากหรือ Departure angle 25.5 องศา (เดิม 24.6 องศา) และมุมคร่อมหรือ Breakover angle 21 องศา (เดิม 19.6 องศา) ระบบความปลอดภัย EyeSight Safety ไม่ว่าจะเป็น
Autonomous Emergency Steering ระบบบังคับพวงมาลัยฉุกเฉินอัตโนมัติ ช่วยหักหลบจากรถหรือวัตถุที่อยู่ด้านหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการชน (ระบบทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) Adaptive Cruise Control (ACC) with Lane Centering Function ไปและหยุดตามคันหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน ช่วยรักษาทิศทางของรถ
Lane Departure Warning include Lane Departure Prevention เตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมระบบบังคับรถกลับเข้าเลน หากระบบตรวจจับว่ารถกำลังคร่อมเส้นแบ่งเลน จะดึงพวงมาลัยนำรถกลับเข้ากลางเลนโดยอัตโนมัติ (ระบบทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป)
Pre-Collision Braking ช่วยเบรกอัตโนมัติ ทำงานร่วมกับ Adaptive Cruise Control พัฒนาให้ล้ำหน้าขึ้นอีกขั้น ช่วยปกป้องความปลอดภัยได้ในสถานการณ์การขับขี่ Subaru Rear Vehicle Detection (SRVD) ตรวจจับวัตถุด้านหลัง เรดาร์เซนเซอร์จะตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหลังรถ และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับหากจะเปลี่ยนเลนบนถนนหรือถอยหลังในที่จอดรถ
High Beam Assist (HBA) ไฟหน้าอัจฉริยะปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ เป็นฟังก์ชันใหม่ที่ให้มาเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเวลากลางคืน
Subaru Forester Wilderness เปิดตัวที่สหรัฐอเมริกาที่งาน Chicago Auto Show 2025 ระหว่างวันที่ 8-17 กุมภาพันธ์และเปิดขายจริงปลายปีนี้ (ฤดูใบไม้ร่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน)
ที่มา Motor 1