More

    Nissan Patrol Nismo สายซิ่งในร่างลุยไซซ์ยักษ์ขายตะวันออกกลาง

    ทำตลาดที่ตะวันออกกลางเป็นที่แรกของโลกสำหรับ Nissan Patrol สิงห์ทะเลทรายเจเนอเรชันที่ 7 และล่าสุดกับเวอร์ชันแต่ง Nissan Patrol Nismo
    Nissanในโลกออนไลน์เผยภาพหลุดทั้งคันแบบไม่พรางตัวของ Nissan Patrol Nismo ในร่างเจเนอเรชันที่ 7 รหัส Y63

    อัปเกรด้วยชุดแต่งเน้นความสปอร์ตเต็มขั้นเริ่มที่ด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้าลายรังผึ้งขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยช่องรับลมขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมียม เสริมลิ้นกันชนหน้าขลิบสีแดงเพื่อเพิ่มความดุดันด้านข้างเสริมคิ้วขอบล้อแบบบิ๊วอิน ช่องระบายอากาศด้านข้างบังโคลนสีดำตกแต่งด้วยโลโก้ Nismo ชายบันไดข้างพร้อมแถบสีแดงที่พาดยาวใต้บันไดขึ้นรถ

    ด้านหลังมาพร้อมสปอยเลอร์หลังคาขนาดใหญ่ กันชนหลังใหม่พร้อมดิฟฟิวเซอร์หลอกตา และไฟเบรกแบบ F1 ติดตั้งตรงกลางแลเยังคงซ่อนท่อไอเสียไว้ใต้กันชน และล้อลายพิเศษขนาด 22 นิ้วรัดด้วยยาง 305/45R22 จาก Bridgestone ALENZA SPORT A/S

    Nissanภายในคาดตกแต่งตามสไตล์ Nismo หุ้มหนังสีแดง แบบ 3 แถว 8 ที่นั่ง 2+3+3 หุ้มหนังลายด้วยวัสดุหนังแท้เกรดคุณภาพปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางคู่หน้าพร้อมฟังก์ชันนวดโดยเบาะคู่หน้ามาแบบ Zero Gravity เบาะนั่ง เพื่อรองรับกับแนวกระดูกสันหลัง ตามหลักสรีรศาสตร์ เบาะนัั่งตอนที่ 2 พับอิสระแบบ 40/20/40 แบบ EZ Flex และ 50/50 ในตอนที่ 3 และยังปรับพื้นที่เก็บของด้านท้ายมากขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมหนังสัมผัสบริเวณคอนโซลกลางกับแผงประตูแบบสีแดง

    แผงคอนโซลหน้าติดตั้งหนังสัมผัสแบบหนังกลับเทียมอย่างประณีต จอคู่รวม 28.6 นิ้วประกอบด้วยจอมาตรวัดความเร็วและจอสัมผัสขนาดใหญ่ฝั่งละ 14.3 นิ้ว มีระบบ Nissan Connect 2.0 เวอร์ชันใหม่ ติดตั้ง Google ในตัว สามารถใช้ Google Maps, Google Play, Google Assistant เชื่อมต่อ Apple CarPlay  Android Auto ไร้สาย และบริการเชื่อมต่อผ่านแอป My NISSAN พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มหนัง และจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า HUD

    ถัดลงมาช่องแอร์แนวนอนมีปุ่ม Push Start และปุ่มการทำงานของระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ตอนที่ 2 กับ 3 และมีสวิตช์ควบคุมทำงานร่วมกับเซนเซอร์อินฟาเรดไว้ตรวจจับอุณหภูมิภายในปรับได้อย่างอิสระและการไหลเวียนของอากาศเพื่อให้อากาศภายในสบายสดชื่น พร้อมช่องเสียบ USB Type C ให้มาทั้ง 3 แถว ที่ชาร์จมือถือไร้สาย

    Nissan

    พร้อมลำโพงทั้งหมด 12 จุด จาก Klipsch พร้อมเทคโนโลยี DynamicAudioReveal™ ช่วยให้เสียงมีความนุ่มชัดเจนละเอียดปรับตามสภาพแวดล้อมภายในรถและระบบเสียง 3 มิติ DJX® 3D Surround ทำให้เพลิดเพลินในการฟังเพลงตลอดการเดินทาง

    ยังมีจอหลัง 2 จอติดตั้งที่หลังเบาะคู่หน้าอินเทอร์เฟซขนาด 12.8 นิ้ว สามารถสตรีมเพลง วีดีโอ เล่นเกมผ่านอุปกรณ์ทั้ง Miracast, HDMI หรือการเชื่อมต่อ USB พร้อมไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี พร้อมกล้องบันทึกเหตุการณ์และหลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ

    Nissan

    ขุมพลังแรงระดับ V6 เทอร์โบคู่ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ V6 รหัส VR35DDTT ขนาด 3.5 ลิตร ซึ่งพัฒนาต่อจากเครื่องยนต์ VR30DDTT ของ Nissan Z (RZ34) ให้กำลังสูงสุด 431 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันมากขึ้นถึง 24% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ V8 รุ่นก่อนจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดจาก JATCO ขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวลและต่อเนื่อง

    พร้อมลุยน้ำได้สูงสุด 700 มิลลิเมตร และรองรับน้ำหนักลากจูงได้ถึง 3,500 กิโลกรัมมาพร้อระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมโหมดลุยทุกเส้นทางแบบ Full Time รองรับ 4WD transfer mode interlock ที่ช่วยกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อทั้ง 4 ตามสภาพถนน เลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 โหมด ได้แก่:

    • Standard
    • Sand
    • Rock
    • Mud/Rut
    • Eco
    • Sport

    Nissanช่วงล่างลุยหนัก ปรับสูงต่ำได้ ด้านหน้าเป็นช่วงล่างแบบ อิสระปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังเลือกได้ทั้งแบบ ถุงลม Adaptive Air Suspension ปรับระดับความสูงได้ถึง 70 มิลลิเมตร หรือแบบคอยล์สปริงโช้กอัพใช้ทั้งแบบ แก๊ส และ โช้กไฟฟ้า 4 ต้นพร้อมระบบเฟืองท้าย: Rear Helical Limited Slip Differential REAR DIFFERENTIAL LOCK คาดการณ์ อาจมาพร้อม โช้ค Bilstein เพื่อรองรับสมรรถนะขับขี่สไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น

    ลุยทุกสถานการณ์ทั้งระยะมุมเงย Approach Angle 24.5-32 องศา ระยะมุมจาก Departure Angle 24-27 องศา และระยะมุมคร่อม Breakover angle 23-27 องศา ความปลอดภัยติดตั้งระบบระบบขับขี่อัตโนมัติอัจฉริยะ ProPILOT 2.0 ช่วยลดความจุกจิกกวนใจในเรื่องการขับขี่บนทางหลวงที่ต้องมีการหยุดและชะลอตัวตลอดเวลา พร้อมความปลออดภัยหลากหลาย

    Nissan

    Nissan Patrol Nismo เตรียมขายกลุ่มประเทศตะวันออกกลางภายในปีนี้ประเดิมที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนออสเตรเลียขายช่วงกลางปี 2025 จากเดิมขายช่วงครึ่งปีหลังปี 2026 ในฐานะตลาดพวงมาลัยขวาที่แรกของโลก

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts