ค่ายรถ GWM เตรียมนำแบรนด์ใหม่ลำดับที่ 5 อย่าง GWM WEY มาขายในไทยประเดิมเอ็มพีวีหรูอย่าง GWM WEY 80 และล่าสุดกับ GWM WEY 07
โดยโลกออนไลน์พบเห็น GWM WEY 07 หรือ GWM WEY LANSHAN ขายในจีน วิ่งทดสอบในไทยโดยเป็นเอสยูวีหรูขนาดใหญ่เปิดตัวในจีนและบางประเทศตั้งแต่ปี 2023 และมีการปรับดีไซน์เล็กน้อยโดยเฉพาะภายในไม่นาน
หน้าตาโดยรวมยังคงเดิมเพิ่มเติมด้วย สัญญาณ LiDAR ที่บนหลังคารถ กระจังหน้าทรงทึบสีเดียวกับตัวรถปะตราโลโก้เด่นพร้อมสีเงินแนวตั้ง ล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime ใต้ขอบฝากระโปรงหน้า ชุดกันชนหน้าทรงหรูในรุ่น MY2025 สเปกจีน ทาสีเดียวกับตัวรถในเส้นแนวนอนคั่นช่องระบายอากาศ
พร้อมชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันขอบกันชนหน้าและหลัง หลังคา Dual Panoramic Sunroof กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูน ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/50R20 และขนาด 21 นิ้วพร้อมยาง 265/45R21 ตัวรถมีดังนี้
- ความยาว 5,156 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,980 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,805 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,050 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 180 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 79 ลิตร
ภายในห้องโดยสารสำหรับรุ่น MY2025 สเปกจีน มาพร้อมคอนโซลหน้าทรงเดิมเพิ่มเติมด้วยความแปลกใหม่ตจากพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน ท้ายตัดทรงเดียวกับ GWM HAVAL H6 เวอร์ชันไทย มาตรวัดความเร็ว LCD ขนาด 12.3 นิ้วพร้อมจอลอยคู่ 2 จอ ชัดระดับ 2.5K ทั้งจอสัมผัสระบบความบันเทิงและจอควบคุมฟังก์ชันต่างๆภายในรถขนาดฝั่งละ 15.6 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ Coffee OS 3 พร้อมชิปเกรดยานยนต์ 8295 และรองรับ Coffee GPT และจอหลังระดับ 3K ขนาด 17.3 นิ้วย้ายปุ่มต่างไปในจอ คอนโซลกลางพร้อมที่ท้าวแขนมีฝาปิด 2 ฝั่งพร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย เกียร์คอที่หลังพวงมาลัย
ยังมีระบบอุ่นที่เบาะนั่งและพวงมาลัย เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 3 โซน ลำโพง 23 จุด กำลังขับ 2,440W ช่องเสียบ USB และไฟสร้างบรรยากาษภายใน เป็นแบบ 6 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA จัดวางแบบ 2+2+2 เบาะนั่งแถวที่ 1 และ 2 ติดตั้งระบบอุนเบาะ เบาะเย็น และนวด ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 2 มาพร้อมโต๊ะเล็กหลังเบาะนั่งคู่หน้า และแถวที่ 3 อีก 2 ที่นั่งสามารถพบัได้ทั้งแถวที่ 2 กับ 3 เพิ่มพื้นที่ในการขนของ
พร้อมตู้เย็นขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่างร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิสองโหมดได้แก่ โหมดทำความเย็น (0-15 องศาเซลเซียส) และโหมดทำความร้อน (35-50 องศาเซลเซียส) มาพร้อมปริมาณความจุที่ใหญ่มอบความสะดวกสบายแบบเหนือระดับยิ่งกว่าใคร
ขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid 2 รูปแบบจากพื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกันกับเบนซินเทอร์โบแปรผัน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร รหัส E15BE ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เริ่มที่รุ่น Hi4 จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor ล้อหลังให้กำลัง 299 แรงม้า แรงบิด 410 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 44.5 kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 185 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC และทั้งระบบ 1,308 กิโลเมตร (WLTC) และรุ่นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 52.3 kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 220 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC และทั้งระบบ 1,343 กิโลเมตร (WLTC)
เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 525 แรงม้า แรงบิดรวม 930 นิวตันเมตร ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 26 นาที สามารถวิ่งได้อีก 172 และ 201 กิโลเมตร และชาร์จกระแสสลับ AC 15-100% กำลังไฟ 6.6 kW ภายใน 6.5 ชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT Four-speed hybrid 4 สปีด
และรุ่น DHT-PHEV เครื่องยนต์เดียวกันแต่ลดกำลังเหลือ 154 แรงม้า แรงบิด 223 นิวตันเมตรจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มี 2 ทางเลือก
เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับหน้า 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตรพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 36.65 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 330 แรงม้า แรงบิดรวม 523 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 9.8 วินาที วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 153 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC และทั้งระบบมากกว่า 1,200 กิโลเมตร (WLTC) ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 26 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 15-100% กำลังไฟ 6.6 kW 10-97% ภายใน 6.5 ชั่วโมง
รุ่นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 44.5 kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 180 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC และทั้งระบบ 1,200 กิโลเมตร (WLTC) มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ล้อหน้า 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ล้อหลัง 299 แรงม้า แรงบิด 410 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 517 แรงม้า แรงบิดรวม 933 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.9 วินาที ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 25 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 15-100% กำลังไฟ 6.6 kW 10-97% ภายใน 6.5 ชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Multi-Mode DHT
ทั้งคู่มาพร้อมระบบ Braking Energy Regeneration และ One Pedal ขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ Intelligent 4WD ที่สามารถปรับการทำงานระหว่างขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อได้อย่างชาญฉลาด ลดการใช้พลังงานและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในทุกการขับขี่ และโหมดการขับขี่ทั้ง Standard, ECO, Sport, Snow, MUD, Sand และ 4WD พร้อม ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ และระบบช่วยรักษารถให้คงอยู่ในเลน เป็นต้น
สเปกจีนจะได้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง “Coffee Pilot Ultra” ติดตั้งเรดาร์เลเซอร์ 128 จุดเป็นออปชันมาตรฐานกับไฮไลต์สำคัญอย่างการทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแผนที่ความละเอียดสูง ครอบคลุมทุกสถานการณ์การใช้งาน และยังรองรับการนำทางแบบจุดต่อจุดได้อย่างราบรื่น
อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ “NOA (Navigate on Autopilot)” ที่ผ่านการทดสอบบนถนนจริงมากว่า 9 ล้านกิโลเมตร ร่วมกับการจำลองเสมือนจริงกว่า 50 ล้านกิโลเมตร ครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมการใช้งาน ตั้งแต่เมืองใหญ่ไปจนถึงพื้นที่ในชนบท จับตา GWM WEY 07 เตรียมที่จะเข้าขายไทยรุ่นที่ 2 ต่อจาก GWM WEY 80 หรือไม่ต้องติดตาม
ที่มาภาพ Mob Nithit Wongwattanasin