ในขณะที่ Nissan N7 เตรียมที่จะขายในไทยความเคลื่อนไหวของ DONGFENG 007 ฝาแฝดพื้นฐานเดียวกันเริ่มที่มีให้ในไทยล่าสุดโลกออนไลน์มีการเผยภาพ
DONGFENG 007 ชื่อใหม่สำหรับตลาดโลก หรือ DONGFENG eπ007 ในร่างเก๋งฟูลไซซ์แบบลิฟทแบ็ค 5 ประตู ขายจีนตั้งแต่ปี 2024 และขยายไปยังต่างประเทศกลุ่มยุโรปทั้ง สเปน เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และเบลารุส
หน้าตาหรูด้วยกระจังหน้าแบบทึบพร้อมกันชนหน้าทรงสปอร์ตชิ้นเดียวกับกระจังหน้าพร้อมช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ส่วนบนจะเป็นแถบไฟ DRL แบบ LED พร้อมชุดไฟหน้า LED 334 ดวง พร้อมกรอบเลขเจ็ดชัดมากขึ้น ด้านข้างมาในแนวกระจกโอเปร่าแบบไร้กรอบ Frameless หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ 1.82 ตารางเมตร กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน พร้อมฟังก์ชันไฟส่องใต้พื้น Light Show ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ
ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย OLED แนวยาวจำนวน 334 ดวง ชุดกันชนหลังออกแบบเรียบง่ายดูดีกลมกลืนกับตัวรถและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/50R18 และขนาด 19 นิ้ว “Star Shine” และยาง Continental ขนาด 235/45R19 ควบคู่กับคาลิปเปอร์เบรกสีแดง คันนี้พัฒนาร่วมกันกับ Nissan จากพื้นฐานแพลตฟอร์ม Dongfeng Nissan’s new energy architecture โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ที่ Cd 0.209 มิติตัวรถใหญ่ตามสูตรรถเก๋งตั้งแต่
- ความยาว 4,880 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,895 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,470 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,915 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,837-1,875 กิโลกรัม
ภายในเน้นไปที่การอัปเกรดฟีเจอร์อัจฉริยะและความสะดวกสบายทั้งมาตรวัดความเร็ว LCD สี 8.8 กับ 10.25 นิ้ว จอสัมผัสกลางขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วชัดแบบ 2.5K (2560 x 1440 พิกเซล) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านทรงหัวตัดท้ายตัด ลำโพงรอบคัน 10-20 จุด ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สีและที่ชาร์จมือถือไร้สายคู่กำลัง 50W ช่อง USB-Type C 3 จุด จอสัมผัสระบบความบันเทิงที่รวดเร็วแม่นยำด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 และ 8295P พร้อมหน่วยความจำ 32GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB รวมจุดที่ติดตั้งบนแผงคอนโซลหน้าที่สามารถพับเก็บได้ 2 จุด
พร้อมเบาะนั่งแบบ Zero Pressure ออกแบบตามสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารพร้อมระบบปรับท่าทางแบบปรับได้จากการใช้ AI ซึ่งปรับเบาะตามอินพุตจากเซนเซอร์ 49 ตัว เบาะนั่งยังมีฟังก์ชันนวด 8 จุด สำหรับคนขับ และปรับยืดเบาะรองน่องขาได้สูงสุด 60 มิลลิเมตร ช่วยให้ขาสบายและรองรับได้อย่างเหมาะสม ปรับด้วยไฟฟ้าคู่หน้าด้านคนขับ 10 จุด ด้านคนนั่ง 4 จุด
มีช่องแช่เย็นที่อยู่ที่วางแขนใต้คอนโซลตรงกลางขนาด 5.8 ลิตร ด้านหน้าสามารถทำความเย็นเครื่องดื่มได้ที่อุณหภูมิติดลบ 6 องศาเซลเซียสในวันที่อากาศร้อน หรืออุ่นเครื่องดื่มได้ถึง 55 องศาเซลเซียสในช่วงอากาศเย็นกว่า และมีพื้นที่สัมภาระท้ายถึง 484-504 ลิตร พร้อมกุญแจรถเชื่อมต่อแอปผ่านบูลทูธ รวมถึงล็อกและปลดล็อกด้วยกุญแจรีโมท,กุญแจไขและแบบไม่มีกุญแจ (Keyless Entry)
ด้านขุมพลังไฟฟ้าจากสถาปัตยกรรมแรงดันแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า 400 V ที่เลือกได้ 2 แบบ ทั้งรุ่น Standard Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP 58.4 kWh ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง TZ200XS3JD วิ่งไกล 550 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 531 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.8 วินาที
รุ่น Long Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP 73.5 kWh ให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง TZ200XS3JD วิ่งไกล 650 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 627 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.7 วินาที
รุ่น Performance AWD ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP 73.5 kWh ให้กำลังรวม 544 แรงม้า แรงบิด 620 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ วิ่งไกล 565 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 545 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.7 วินาที ทั้ง 3 รุ่นชาร์จได้ทั้ง DC 10-80% ภายใน 19 นาที และ 30-80% ภายใน 16 นาที และชาร์จ AC
และรุ่นไฟฟ้าขยายระยะทางหรือ EREV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรรหัส C15DE 105 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตรสำหรับปั่นไฟทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP 28.4 kWh วิ่งไกลในโหมดอีวี 230 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 222 กิโลเมตร (NEDC) วิ่งไกลทั้งระบบ 1,230 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 1,187 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.2 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC 30-80% ภายใน 12 นาที และชาร์จ AC พร้อมความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร
มีระบบกันสะเทือนแบบแม็กเฟอร์สันที่ด้านหน้าและแบบมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Comfort/Standard/Sports/Custom/AI Exclusive พวงมาลัยไฟฟ้าเวอร์ชันล่าสุด DP-EPS จาก BOSCH ที่ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร ปรับน้ำหนักได้ 3 โหมดทั้ง Comfort/Standard/Sport พร้อมระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) เลือกได้ 3 โหมดทั้ง weak/strong/adaptive มีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 6.6 kW ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ และ Vehicle-to-Grid (V2G) พร้อมระบบความปลอดภัย ADAS
DONGFENG 007 มีสีภายนอกหลากหลายทั้งสี Morning White, Stream Stone Grey, Orchid Purple, Sun Gold และ Night Shadow Black การเคลือบแล็กเกอร์ที่โปร่งใสสูงช่วยปรับปรุงกระบวนการพ่นสีให้มีพื้นผิวเรียบขึ้น เต็มอิ่มขึ้น และโปร่งใสมากขึ้น ต้องลุ้นกันแล้วว่าจะมีโอกาสเข้าขายในไทยหรือไม่และทางเราจะนำเสนออีกครั้งถ้ามีความเคลื่อนไหว
ที่มาภาพ ธนกร สุกใส และ เกษมสันต์ มีทิพย์