รุ่นแรกของค่าย BYD ที่ทำตลาดญี่ปุ่นด้วยพลังปลั๊กอินไฮบริดกับ BYD SEALION 6 จากการรายงานของสื่อ Nikkei China
โดยนาย Atsuki Tofukuji ประธาน BYD ญี่ปุ่น กล่าวว่า การเปิดตัว BYD SEALION 6 จะช่วยแก้ไขปัญหาด้านระยะทางที่มักพบในรถยนต์ไฟฟ้าล้วนและเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญสำหรับตลาดญี่ปุ่น
ด้วยจุดเด่นของรถปลั๊กอินไฮบริดที่มีเครื่องยนต์สันดาปทำงานร่วมกับแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้ความเร็วทั่วไปในตอนใช้โหมดอีวีล้วนแต่อาศัยเครื่องยนต์ทำงานตอนวิ่งทางไกลและยังสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ และอาจใช้เป็นพลังงานสำรองในกรณีฉุกเฉินหรือใช้งานกลางแจ้งแม้ต้นทุนจะสูงกว่ารถพลังฟูลไฮบริดทำให้การใช้งานในญี่ปุ่นอาจมีข้อจำกัด
ที่ญี่ปุ่นยังมีค่ายเจ้าถิ่นยังแข็งแกร่งทั้ง Toyota และ Mitsubishi ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดและรุ่นที่นิยมมีทั้ง Toyota Harrier PHEV และ Mitsubishi Outlander PHEV แต่เป็นต่อในเรื่องระยะทางขับขี่และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงเหนือกว่า BYD SEALION 6 แต่ตั้งมั่นที่จะวางตำแหน่งรถยนต์รุ่นนี้ให้ราคาอยู่ในระดับราคาที่ต่ำกว่า 5,000,000 YEN หรือราว 1,079,000 บาท
ยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั่วโลกมีสัดส่วนมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนในปี 2024 บีวายดีมียอดขายรถยนต์ 4.27 ล้านคัน โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) คิดเป็น 2.48 ล้านคัน (58%) เทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 1.76 ล้านคัน (41%) และ BYD ได้ขยายตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไปยังยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงตลาดอื่นๆ เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคิดเป็น 7.6% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลก ซึ่งเกือบเท่ากับรถยนต์ไฮบริดทั่วไปที่ 7.7% ในจีน รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมีส่วนแบ่งตลาด 15.9% แซงหน้ารถยนต์ไฮบริดทั่วไปที่ 3% ในทางตรงกันข้าม ญี่ปุ่นยังคงให้ความสำคัญกับรถยนต์ฟูลไฮบริดอย่างมาก ซึ่งคิดเป็นเกือบ 30% ของยอดขาย เทียบกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ขายได้เพียง 1%
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะมีสัดส่วนประมาณ 9% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของญี่ปุ่น ซึ่งใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ 10.6% หน่วยงานยังระบุถึงความแตกต่างในนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในแต่ละภูมิภาค โดยบางตลาดสนับสนุนการใช้ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดผ่านการอุดหนุน ขณะที่บางตลาดก็ไม่ได้รับการอุดหนุน
BYD SEALION 6 เตรียมเผยโฉมครั้งแรกและเผยสเปกที่ญี่ปุ่นในงาน Japan Mobility Show ที่กรุงโตเกียวในเดือนตุลาคมนี้และเตรียมขายจริงช่วงเดือนมกราคมปี 2026 และยังเตรียมที่จะเผยขุมพลังนี้ในรถหลายรุ่นของค่ายเพื่อขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก จับตาสเปกที่ขายในญี่ปุ่นจะต่างจากไทยและออสเตรเลียมากน้อยแค่ไหนนั้นต้องติดตาม
ที่มา CarNewsChina