Ford Mustang Mach-E รถไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย Ford ทำตลาดหลายประเทศจนตอบรับดีและล่าสุดที่ออสเตรเลียเปิดตัวรุ่นปรับปรุงปี 2026 หรือ MY2026
ในรุ่นปรับปรุงของเจ้าม้าป่าพันธุ์ดุพลังไฟฟ้านี้เน้นในเรื่องพละกำลังที่เพิ่มขึ้นและระยะทางการชาร์จที่ไกลขึ้นกว่ารุ่นเดิมสำหรับรุ่น GT ปรับความหล่อเล็กน้อยรวมถึงช่วงล่างใหม่ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า
ภายนอกปรับเล็กน้อย
เริ่มที่รุ่นถูก Select RWD ได้ไฟหน้า LED projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ทรงตัวยูคว่ำ 3 ช่องในโคมเดียวกันเหมือนรุ่น Premium และ GT พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 225/55R19
รุ่น Premium RWD ปรับสีสันใหม่ด้วยกันชนหน้าในส่วนช่องระบายอากาศ รังผึ้งในกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม กรอบพร้อมเส้นแนวนอนตรงมุมกันชนหน้าซ้าย-ขวาและลิ้นสปอยเลอร์ใต้กันชนหน้า คิ้วชายล่างประตู รวมถึงลิ้นสปอยเลอร์ที่กันชนหลัง ทั้งหมดตกแต่งสีดำด้าน และซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถจากเดิมสีดำเงา ส่วนรุ่นท็อป GT ได้กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบใหม่
ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นราชารถแรงด้วยตราม้าป่าพยศติดตั้งในชุดกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบทึบในชุดกันชนหน้าทรงใหญ่เท่คล้ายเวอร์ชัน Muscle Car ฝากระโปรงหน้าเปิดมาเป็นพื้นที่วางของ ด้านข้างทรงดุกับกระจกโอเปร่าพร้อมหลังคารถที่ลาดลง ด้านท้ายมีความเอกลักษณ์ด้วยไฟท้าย LED แบบ 3 แถวอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมกันชนหลังดีไซน์เป็นหนึ่งเดียว
ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 245/45R20 จาก Pirelli ในรุ่น GT AWD และขนาด 19 นิ้ว ในรุ่น Premium RWD ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกหน้าสีแดง Brembo โดยตัวรถมีมิติดังนี้
- ความยาว 4,714 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,882 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,625 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,984 มิลลิเมตร
ภายในเปลี่ยนครั้งใหญ่
ตั้งแต่ปุ้มหมุนคันเกียร์เปลี่ยนเป็นเกียร์รคอที่พวงมาลัยเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในคอนโซลกลาง และเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 10 ทิศทาง (เดิม 8 ทิศทาง) พร้อมเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ Onyx Sensico เดินด้ายแดง
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็นชุดคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายแต่เล่นระดับอย่างลงตัวของเส้นสายแผงคอนโซลหน้าพร้อมมาตรวัดดิจิทัล 10.2 นิ้ว พร้อมจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 15.5 นิ้ว พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ SYNC 4A กับลำโพง B&Q 10 จุด พร้อม FordPass และ FordPass Power My Trip ค้นหาสถานีชาร์จตามเส้นทางที่เข้าสู่การนำทางด้วยดาวเทียม
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย สบายในแบบ 5 ที่นั่ง ด้วยเบาะด้านหลังเบาะหลังมีพื้นที่ 402 ลิตร และยังพับแบบ 60/40เพิ่มพื้นที่การของมากถึง 1,420 ลิตร อบอุ่นทุกการเดินทางด้วยไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Multi-colour ambient light และหลังคารถแบบ Panoramic glass พร้อมการตกแต่งตามแต่ละรุ่นทั้ง หลังคาภายในรถขึ้นรูปสีดำแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกสีเงินพรีเมียม
ขุมพลังไฟฟ้าปรับกำลังใหม่เพิ่มระยะทางมากขึ้น
รุ่น Select RWD ด้วยขุมพลังไฟฟ้า Standard จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังกับความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหม่ 73 kWh (เดิม 71 kWh) อัปพลังใหม่เพิ่มเป็น 288 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร (เดิม 269 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร)
วิ่งไกลสุดเท่าเดิม 470 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 553 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จได้ทั้งชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 150 kW (เดิม 115 kW) 10-80% ภายใน 32 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW 0-100% ภายใน 7.8 ชั่วโมง ( 7 kW ภายใน 11.7 ชั่วโมง)
รุ่น Premium RWD ด้วยขุมพลังไฟฟ้า Extended จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังกับความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนลดขนาดลงเหลือ 88 kWh (เดิม 91 kWh) ให้กำลังลดลงแต่แรงบิดมากขึ้นเป็น 288 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร (เดิม 294 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร)
วิ่งไกลสุดเท่าเดิม 600 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 706 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จได้ทั้งชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 150 kW (เดิม 115 kW) 10-80% ภายใน 36 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW 0-100% ภายใน 9.6 ชั่วโมง ( 7 kW ภายใน 13.9 ชั่วโมง)
รุ่น GT AWD ปรับครั้งใหญ่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนล้อสี่ล้อ พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเท่าเดิม 91 kWh ให้กำลังรวมมากขึ้นถึง 590 แรงม้า แรงบิดรวม 955 นิวตันเมตร (เดิม 487 แรงม้า แรงบิด 860 นิวตันเมตร) วิ่งไกลสุดเพิ่มขึ้นเป็น 515 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 606 กิโลเมตร (NEDC) (เดิม 490 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 576 กิโลเมตร (NEDC))
คาดอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอาจทำได้ต่ำกว่าเดิม 3.7 วินาที ชาร์จได้ทั้งชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 150 kW 10-80% ภายใน 36 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW 0-100% ภายใน 9.9 ชั่วโมง ( 7 kW ภายใน 14.6 ชั่วโมง)
โดยในการอัปพลังอัประยะทางไกลขึ้นใหม่นั้นเกิดจากการเพิ่มปั๊มความร้อนใหม่ออกแบบมาเพื่อรักษาระดับแบตเตอรี่ของรถให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุด และช่วยให้อุณหภูมิในห้องโดยสารอยู่ในระดับที่สบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกรุ่นมาพร้อม ระบบ One-pedal drive system
ช่วงล่างปรับจูนใหม่ของรุ่น Select RWD และ Premium RWD ได้รับการปรับปรุงในส่วนเหล็กกันโคลง สปริง และโช้คอัพส่วนรุ่นท็อป GT AWD ยังคงเดิมกับช่วงล่าง Magne Ride Active Suspension
ความปลอดภัยรอบคันจัดเต็ม
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto high-beam
- ตรวจจับรถในจุดบอด Blind-spot monitoring
- เตือนการถอยหลังเมื่อมีรถสวนมา Rear cross-traffic alert
- ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane keep assist
- ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane centering assist
- แจ้งเตือนการขับขี่ Driver alert system
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous emergency braking (AEB)
- ตรวจจับคนเดินถนน Forward pedestrian detection
- เตือนการชนด้านหน้า Forward collision warning
- ควบคุมเบรกหลังการชน Post-collision braking
- ช่วยเบรกเวลาถอยหลัง Reverse brake assist
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศาและกล้องมองหลัง Reversing camera เซนเซอร์กะระยะการจอดรถหน้า-หลัง Front and rear parking sensors จุดยึดเบาะนั่งเด็กสำหรับเบาะหลัง ISOFIX
Ford Mustang Mach-E MY2026 ขายแล้วที่ออสเตรเลีย ในราคาใหม่ไม่รวมค่า Drive-Away (ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการนำรถออกไปใช้งานเช่นค่าภาษี, ค่าจดทะเบียน, และค่าประกันภัย) ดังนี้
- รุ่น Select RWD $65,990 หรือราว 1,429,000 บาท
- รุ่น Premium RWD $80,490 หรือราว 1,739,000 บาท
- รุ่น GT AWD $98,490 หรือราว 2,129,000 บาท
มีสีทั้งหมด 8 สีได้แก่
- สีดำ Shadow Black
- สีบรอนซ์เงินใหม่ Glacier Grey
- สีแดงใหม่ Molten Magenta
- สีเขียวใหม่ Eruption Green
- สีเหลืองใหม่ Grabber Yellow
- สีขาวมุกใหม่ Star White
- สีฟ้าใหม่ Velocity Blue
- สีบรอนซ์เงินออกครีมใหม่ Terrain
ที่มา Carexpert
