ในที่สุด Subaru SOLTERRA เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นปรับโฉมฝาแฝด Toyota bZ4X เปิดตัวที่ญี่ปุ่นหลังจากที่อเมริกา ยุโรป ได้สัมผัสกันมาแล้ว
Subaru SOLTERRA ไมเนอร์เชนจ์ปรับโฉมครั้งนี้นำหน้าตาเดียวกับ Subaru E-Outback มาทั้งหมดในร่างเอสยูวีไฟฟ้าทรงเดียวกับ Toyota bZ4X
ภายนอกหล่อ
ด้วยชุดไฟหน้า LED 2 ชั้น ที่ชั้นบนเป็นไฟ DRL LED 6 ดวงเล็ก และมีไฟเลี้ยวในตัวถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED ทรงกลม ชุดกันชนหน้าทรงหรูรับกับกระจังหน้าทรงตัวยูปิดทึบพร้อมตราดาวลูกไก่ขนาดใหญ่พร้อมไฟเรืองแสง LED และช่องระบายอากาศสีดำ ด้านข้างดีไซน์เท่ด้วยคิ้วขอบล้อสีเดียวกับตัวรถ ราวหลังคาทรงบิ๊วอิน เสาอากาศครีบฉลาม กระจกมองข้างสีดำ ที่เปิดประตูดึงก้าน
ด้านท้ายดีไซน์เดิมทั้งไฟท้าย LED รูปตัว C พร้อมสปอยเลอร์หลังออกแบบ 2 จุดด้วยกันทั้งบนหลังคา ขอบไฟท้ายที่สวยและดูสปอร์ตมากและเปลี่ยนมาใช้ตัวหนังสือ Subaru แทนโลโก้ดาวลูกไก่ เท่ถึงใจพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R20 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 กับยาง Bridgestone ALENZA 001 สร้างจากพื้นฐาน e-SUBARU Global Platform หรือ e-TNGA ของ Toyota
- ความยาว 4,690 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,650 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,880-2,040 กิโลกรัม
- ความสูงใต้ท้องรถ 210 มิลลิเมตร
ภายในยกมาจาก SOLTERRA, C-HR+ และ bZ4X
แปะตราดาวลูกไก่ที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ที่ดูหนากว่าปกติ นอกนั้นเหมือนกันทั้งคอนโซลหน้าใหม่หมดเรียบง่ายขึ้นช่องแอร์ออกแบบใหม่แนวนอนทั้งหมด
มาตรวัดดิจิทัลพร้อมจอ MID 7 นิ้ว ในส่วนคอนโซลกลางตั้งแต่จอสัมผัสขนาดใหญ่ 14 นิ้ว แยกจากช่องแอร์ออกแบบให้มีช่องชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 15W 2 ช่อง ไปอยู่ข้างบนและย้ายสวิตช์ควบคุมการทำงานของหน้าจอมาอยู่ข้างล่างรวมถึงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่และไฟสร้างบรรยากาศภายในใหม่ Ambient Light 64 สี
ตำแหน่งของแผงหน้าปัดและตำแหน่งของมาตรวัดอยู่เหนือพวงมาลัย ช่วยเพิ่มการมองเห็นและมีความปลอดภัยมากขึ้น จอสัมผัสรองรับ Apple Car Play และ Android Auto เพลิดเพลินตลอดทางกับลำโพง 9 จุด มีพอร์ต USB มากถึง 5 จุด เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง พร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร Nanoe™ และ กรองฝุ่น PM5
สวิตช์ควบคุมเกียร์แบบ Shift-by-Wire เบรกมือแบบไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟคู่แบบตายตัวไม่มีเสากั้นพร้อมม่านบังแดด
เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางและเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 ปรับเอนได้ 1 ระดับ นอกจากนี้ ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยส่วนประกอบวัสดุรีไซเคิลของคอนโซลภายใน โดยมาในโทนสีดำขาวและพื้นที่สัมภาระท้ายมากสุด 441-452 ลิตร หุ้มด้วยวัสดุหนัง NAPPA สีน้ำเงิน/สีดำในรุ่นท็อป ET-HS และหุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์ในรุ่น ET-SS
ขุมพลังไฟฟ้าล้วน
จากแรงดันไฟฟ้า 391 V มีให้เลือกทั้งรุ่น ET-SS มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ารหัส 2XM ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 74.7 kWh ให้กำลังสูงสุด 227 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร วิ่งไกล 746 กิโลเมตร (WLTC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.4 วินาที
รุ่น ET-SS และ ET-HS AWD ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 74.7 kWh ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังรวม 347 แรงม้า แรงบิดรวม 437 นิวตันเมตร ด้วยมอเตอร์ล้อหน้าให้กำลัง 227 แรงม้า แรงบิดด 268 นิวตันเมตร และล้อหลัง 120 แรงม้า แรงบิด 169 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 5.1 วินาที วิ่งไกล 687 กิโลเมตร (WLTC) ในรุ่น ET-SS ล้อ 18 นิ้ว และ ET-HS ล้อ 18 นิ้ว หรือ 622 กิโลเมตร (WLTC) ในรุ่น ET-HS ล้อ 20 นิ้ว โหมดการขับขี่แบบ X-Mode สำหรับรุ่น AWD ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน โดยปรับการทำงานของคันเร่งและการควบคุมการลื่นไถลของล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ถนนลื่น พื้นโคลน หรือทางลาดชัน
สำหรับรุ่นแบตเตอรี่ 74.7 kWh เพิ่มจำนวนเซลล์แบตเตอรี่จาก 96 เป็น 104 เซลล์ ลดการสูญเสียพลังงานจากเพลาไฟฟ้า (e-axle) ลงประมาณ 40% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อลดระยะเวลาในการชาร์จ รถยนต์คันนี้จึงติดตั้งระบบ “battery preconditioning” ซึ่งสามารถอุ่นแบตเตอรี่ก่อนการชาร์จ ทำให้สามารถชาร์จอย่างรวดเร็ว DC ได้ในเวลาประมาณ 28 นาทีด้วยเครื่องชาร์จ 150 kW แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิภายนอก -10°C แบบ 10-80%
ชาร์จกระแสสลับ AC เพิ่มกำลังการชาร์จสูงสุด 22 kW มีระบบ Regenerative Braking Mode ที่จะช่วยนำพลังงานไฟฟ้ากลับมาทุกครั้งที่ยกคันเร่ง สำหรับแบตเตอรี่ผ่านการทดสอบหลายรูปแบบ ทั้งมีขบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอมตลอดกระบวนการผลิต
พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่เกาะถนน ดีเยี่ยม สามารถลากจูงเป็น 1,588 กิโลกรัม และความปลอดภัย Eye Sight® Safety เวอร์ชันล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยเบรกอัตโนมัติ Pre-Collision Braking
- เตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะออกรถ Front Cross Traffic Alert
- เตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitors
- เตือนออกนอกเลน Lane Departure Alert
- กล้องมองภาพรอบคัน panoramic view monitor
- ช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Emergency Stop Assist
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะรถติด Traffic Jam Assist
- ช่วยเปลี่ยนเลน Lane Change Assist
- ล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Advanced Adaptive Cruise Control
Subaru SOLTERRA เปิดรับจองแล้วที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน พร้อมสีภายนอก 11 สี แบ่งเป็นสีโมโนโทน 6 สี และทูโทน 5 สี ขาย 3 รุ่นย่อย ดังนี้ทั้ง
- รุ่น ET-SS FWD 5,170,000 YEN หรือราว 1,099,000 บาท
- รุ่น ET-SS AWD 5,610,000 YEN หรือราว 1,199,000 บาท
- รุ่น ET-HS AWD 6,050,000 YEN หรือราว 1,289,000 บาท
ทางด้านเมืองไทยยังไม่มีวี่แววที่จะนำมาขายสำหรับอีวีค่ายซูบี้ แต่ชะตากรรมฝาแฝดรุ่นปรับโฉมอย่าง Toyota bZ4X ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องราคาจำหน่ายหลังจากประกาศว่าจะเปิดราคาเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจับตาจะเปิดราคาช่วงงาน Motor Expo หรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา Subaru





















