รถใหม่ลำดับที่ 3 ของค่าย GWM ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขายดีแซงหน้าญี่ปุ่นตั้งแต่ GWM TANK 300 GWM TANK 500 ล่าสุดกับ GWM POER SAHAR Diesel
GWM POER SAHAR Diesel น้องใหม่ในวงการกระบะกับพลังใหม่ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร ที่มีให้เลือกถึงทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ จากพื้นฐาน GWM TANK 500 ถอดบอดี้ครึ่งหลังมาเป็นกระบะ 4 ประตู Double Cab ครั้งนี้ได้รุ่นท็อปสุด ULTRA 4WD มารีวิว
Design & Exterior
หน้าตายกมมาจากรรุ่น HEV แต่ตัดออปชันบางรายการปรับหน้าตาด้วยโทนสีดำทั้งคันตั้งแต่กระจังหน้ากรอบสีเดียวกับตัวรถไส้ในสีดำขนาดใหญ่อลังการพร้อมโลโก้ POER ขนาดใหญ่ไฟหน้า Intelligent LED พร้อม Daytime Running Light ให้ความสว่างชัดเจน มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างสำหรับแต่งหน้า หรือ Make up light กันชนหน้าออกแบบใหม่ที่งานนี้ตัดไฟตัดหมอกหน้า LED ออกไป ซึ่งมีความจำเป็นรถยกสูงทั้งกระบะและพีพีวี
ด้านข้างเดิมๆเพิ่มสีสันด้วยโทนสีดำ และสีเดียวกับตัวรถทั้ง ราวหลังคาสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลาม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลึ้ยวปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้ากับที่เปิดประตูดึงก้านสีเดียวกับตัวรถ ประตูหลังเสา C เปิดมามีที่จับมือที่สามารถใช้งานติดตั้งราวหลังคา บันไดข้างสีดำ คิ้วขอบล้อสีเดียวกับตัวรถตีโป่งให้หนากว่าเดิม ล้ออัลลอยมาในขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 สีดำเข้ม เสียดายที่ว่าไม่มียางบังโคลน 4 เส้นแผ่นเรียบติดตั้งมาให้
ด้านหลังเรียบง่ายด้วยไฟท้าย LED ทรงเท่ กระบะท้ายครั้งนี้ตัดฟังก์ชันเปิดประตูท้ายสองรูปแบบทั้งเปิดทั้งบานลงมาหรือเปิดแบบตู้กับข้าวซ้าย-ขวา มาเป็นแบบเปิดทั่วไปทั้งบานควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัสจุดยึดสำหรับการผูกเชือกที่มากถึง 18 จุด
Dimension
- ความยาว 5,445 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,991 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,924 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,350 มิลลิเมตร
- ระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร
- ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,635 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถประมาณ 2,400 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 78 ลิตร
Interior & Convenience
ภายในหรูกว่าเดิมด้วยโทนเข้มสีดำ Jade Black พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหม่!! ขนาด 14.6 นิ้วจากเดิม 12.3 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5 Bluetooth มีระบบนำทาง และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ มีสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) จดจำเสียงได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดการสัมผัสปุ่มและลดอุบัติเหตุขณะขับขี่ และรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์แบบไร้สาย (FOTA) เพื่อให้ระบบควบคุมต่างๆ ภายในรถยนต์สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำและง่ายดาย
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว กุญแจ Smart Key และระบบ Push start system ช่วยให้ผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ลำโพงรอบคัน 6 ตำแหน่ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับ 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน
เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัวเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ กุญแจ Smart Key ทำงานร่วมกับปุ่ม Push Start เพิ่มความสะดวกสบายไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว ช่องจ่ายไฟสำรอง (220V) ช่องต่อ USB รวมตำแหน่งสำหรับกล้องบันทึกภาพ กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
ควบคุมและสั่งงานตัวรถจากทางไกลผ่าน GWM Application ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถเช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ (เปิด-ปิดแอร์) การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ และตรวจสอบสถานะอื่นๆ
เบาะที่นั่งทำจากหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถปรับเอนได้ถึง 33 องศา มาพร้อมที่พักแขนตอนกลาง ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เพิ่มความสะดวกสบาย เพื่อผู้โดยสารด้านหลังได้รู้สึกผ่อนคลาย และเพลิดเพลินในทุกการเดินทาง พนักพิงเบาะพับได้แบบ 40:20:40 ที่มาพร้อมกับที่พักแขนตอนกลางและที่วางแก้ว เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร
Performance & Transmission
ดีเซลเทอร์โบแปรผัน VGT ขนาด 2.4 ลิตร ในรหัส GW4D24 (E24D) ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ที่มีแรงดันสูงถึง 2,000 บาร์ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ท่อร่วมไอดีแบบคู่ที่ฝาสูบระบบอิเล็กทรอนิกส์ Exhaust Gas Recirculation (ECR) และระบบปั้มน้ำมันเครื่องแบบแปรผัน ทำให้เครื่องยนต์สร้างพละกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขี้น จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter สามารถลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม
Handling & Ride On Road/Off Road
ทริปนี้จากกรุงเทพฯมายังนครนายก ไปกลับ 224 กิโลเมตร สัมผัสทั้งทางเรียบและทางโหดเล็กๆที่คลองมะเดื่อแน่นอนว่าคันนี้น้ำหนักเบากว่ารุ่น HEV ทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ดูเหนือกว่า ตอบสนองแรงแบบสุขุมไม่กระโชกโฮกฮาก กดคันเร่งตอนออกตัวไวไปนิดนึงจนถึงช่วง 80 พอความเร็ว 90-160 ขับเพลิน
ขับสมูทสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือเพิ่มความเร็วได้ทันใจในทุกสถานการณ์ รอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 90-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมือนเดิมทำงานไม่ถึง 2,000 รอบต่อนาทีแต่ละช่วงความเร็วมาแบบเร็วติดปีกตั้งแต่ 1,400 1,600, 1,700 และ 1,900 รอบต่อนาที ตามลำดับ
ด้านอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 11.90 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 8.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เรียกว่าประหยัดกว่ารุ่น POER SAHAR ULTRA 4WD HEV อย่างเห็นๆ
เครื่องยนต์เดินเรียบนิ่งเสียงแทบไม่มีในช่วงความเร็วกลางๆถึงความเร็วสูงๆ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะทาง GWM ติดตั้งเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์และการพัฒนาเทคโนโลยีในการลดเสียงรบกวน NVH (Noise, Vibration, Harshness) ที่ยอดเยี่ยม ออกแบบใหม่ของท่อไอเสีย เพลาลูกเบี้ยว ปั๊มน้ำมันเครื่อง ท่อน้ำมันแรงดันสูง สายพาน Timing และ Balance Shaft ทำให้การขับขี่สบายอารมณ์เพลิดเพลินกับเสียงเพลง และการสนทนาระหว่างเดินทางได้อย่างดีเงียบสุด 41 เดซิเบล
เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ลูกนี้มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 สามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถปรับอัตราการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละสภาพถนน และสอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป
ยอมรับว่าเกียร์ลูกนี้เปลี่ยนเกียร์ได้ราบรื่นและสมูท แต่เสียดายที่ว่ารุ่น ULTRA ขับเคลื่อน 4 ล้อกลับไม่มีโหมดการขับขี่ 3 โหมดทั้ง ECO Normal และโหมด Sport แต่กลับให้ Paddle Shift มาช่วยกลบความรู้สึกเสียดายไปได้บ้าง
พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ใช้งานทั่วๆไปเบาคล่องมือ พอใช้ความเร็วสูงมีน้ำหนักอยู่บ้างในโหมดสบาย และยังมีอีก 2 โหมดช่วยผ่อนแรงพวงมาลัยทั้ง โหมดเบา และโหมดสปอร์ต ปรับความรู้สึกของพวงมาลัยให้เหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละสภาพการใช้งาน และตอบสนองได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้ทุกการขับขี่ง่ายดายยิ่งขึ้น
ระบบเบรกหน้าและหลังแบบดิสก์เบรก ที่มีครีบระบายความร้อนสี่ล้อ ระยะการเหยียบเบรกลึกแต่ก็พอเอาอยู่ ประสิทธิภาพดีแต่ดีไม่เท่ากับ Toyota HILUX TRAVO ที่รีวิวไปก่อนหน้านนี้ ชวงล่างหน้าแบบ อิสระปีกนกคู่ (Double-Wishbone) และหลังแบบแหนบ โค้งในย่านความเร็วสูงๆนิ่ง ขับทั่วๆไปให้ความนุ่มนวลแอบมีเด้งบ้างในเส้นถนนคอนกรีตไม่โคลงไม่โยน
พอมาถึงคลองมะเดื่อที่ทางโหดเบาๆผ่านลำธารผ่านโขดหิน ผ่านได้สบายๆชิวด้วยตัวรถลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตร แต่ลำธารสูงถึงใต้ท้องรถลุยได้สบายๆผสานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time ได้แก่ โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L มีระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้า (Electric Rear Diff Lock) ติดตั้งบนเพลาท้ายทำหน้าที่ล็อกเฟืองท้ายให้ล้อทั้งสองฝั่งหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน เพื่อเพิ่มแรงฉุดลากเมื่อรถติดหล่มหรืออยู่บนพื้นผิวทีลื่นได้อย่างดี พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง สามารถมองเห็นจุดมุมอับได้และมองใต้ท้องรถได้
Safety & Feature
ปลอดภัยไร้กังวลโดยมีฟังก์ชันสุดล้ำระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยด้วยการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มากถึง 26 รายการ
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการเข้าโค้งอัฉริยะ (ACC)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า (FCW)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ช่วยเลี่ยงการชนทางด้านข้าง (WDS)
- ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (LCA)
- ช่วยตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง (RCW)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 (SCM)
- แจ้งเตือนการเปิดประตู (DOW)
- ช่วยเตือนสัญลักษณ์จราจร และการแจ้งเตือนการขับรถเร็วเกินกำหนด
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ Call Center ติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมติดตั้งระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ช่วยลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ช่วยออกตัวบนทางชัน HSA (Hill Start Assist) ตรวจความดันลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring System)
เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลัง ไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ล็อกป้องกันเด็ก (Child Safety Lock System) ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti Lock Brake System )กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) เสริมแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน BAS (Brake Assist System) ควบคุมการลื่่นไถล TCS (Traction Control System)
Verdict
หลังขาย GWM TANK 300 และ GWM TANK 500 ดีเซลจนครองยอดขายอันดับ 1 กลุ่มรถยนต์พีพีวีได้สำเร็จทำให้ GWM พร้อมสานต่อความชื่นชอบของความชาวไทยอย่างเต็มรูปแบบกับ GWM POER SAHAR DIESEL ULTRA 4WD แม้โดยรวมหล่อเข้มเหมือนเวอร์ชัน HEV ไซซ์ใหญ่ยักษ์กว่าคนอื่น โทนเข้มสีดำช่วยให้ดูดมีเสน่ห์แต่มาขาดเกินๆกับของจำเป็น 2 อย่างทั้ง ไฟตัดหมอกหน้าและยางบังโคลนซึ่งสมควรต้องมี
ภายในสบายแบบเดียวกับ GWM TANK 500 เดินทางสบายเบาะนั่งหน้าโอบกระชับพิงหลังเต็มเหยียด ด้านหลังเบาะหลังเอนได้ 33 องศาเพิ่มความสบายหลับได้หลับดี ขุมพลังดีเซลเงียบ สั่นสะเทือนน้อยลงผสมกับความแรงสุขุมไม่ฮาร์ดคอ เบรกลึกแต่เอาอยู่ กล้องรอบคันมองภาพใต้ท้องรถได้และมี Paddle Shift เข้ามา
บวกกับความใจป๋าของ GWM ที่กล้ารับประกันคุณภาพเครื่องยนต์ที่ยาวนานและครอบคลุมมากขึ้นถึง 1,000,000 กิโลเมตร (หรือ 8 ปี) เหลือเพียงราคาเท่านั้นแหละที่พอจะทำให้แจ้งเกิดในตลาดรถปิกอัพในไทยอย่างเต็มภาคภูมิได้หรือไม่เปิดราคาในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ที่งาน Motor Expo 2025
