หลังเผยให้ทั่วโลกได้สัมผัสกับ Land Rover Defender V8 ตำนานขาลุยสวมหัวใจซิ่งกับพลัง V8 จนมียอดคำสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดตำนานขาลุยหัวใจซิ่งได้เดินทางมาถึงเมืองไทย เมื่อทาง อินช์เคป (ประเทศไทย) ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เผยภาพตัวจริงเสียงจริง Land Rover Defender V8 ในรุ่น 110 5 ประตูช่วงสั้นพร้อมความโดดเด่นจากตรา V8 ติดอยู่บนรถ ท่อไอเสีย 4 ท่อ ล้อขนาด 22 นิ้วในโทนสี Satin Dark Grey พร้อมยาง 275/45R22 และมีเบรกก้ามปูสี Xenon Blue ตกแต่งแบบ Carpathian Edition ที่ดูลึกลับในโทนสี Carpathian Grey ตัดกับหลังคา กระโปรง และไฟท้ายสี Narvik Black จะเคลือบฟิล์มที่ทำจากโพลียูรีเทนช่วยปกป้องรถไม่ให้มีรอยขีดข่วนที่รถเวลาไปบุกป่าฝ่าดง
ภายในรถสวยงามทีเดียว ด้วยหนัง Ebony Windsor ที่ตัดกับผ้า Dinamica กับ Robustec พวงมาลัยตกแต่งด้วยหนังกลับสังเคราะห์ แป้นเหยียบ ข้ามคานรถสีดำ นอกจากนี้ยังมีหนังที่ถุงลมนิรภัยกับคันเกียร์ด้วยเชื่อมต่อกับระบบชาร์จไร้สาย รวมทั้งรับสัญญาณไวไฟได้ มีหน้าจอความบันเทิงรุ่นล่าสุด Pivi Pro ติดตั้งมาพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีนขนาด 11.4 นิ้ว
กับขุมพลังแรงร้าใจดวยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ P525 5.0 ลิตร V8 525 แรงม้าที่ 6,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 625 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,500 รอบ/นาที เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.4 วิ ท็อปสปีดของทั้งคู่อยู่ที่ 240 กม./ชม. มีความสามารถในการลากจูงได้ 3,500 กก. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF ระบบกันสะเทือนทั้งหน้าและหลัง
สำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบ Terrain Response 2 มีโหมดออฟโรดเลือกได้ตามเส้นทางที่แตกต่าง ถึง 6 โหมด ทั้ง โหมดการขับขี่ทางเรียบไฮเวย์ Normal Driving, โหมดลุยน้ำ WADE, โหมดลุยในทางโขดหิน Rock Crawl, โหมดลุยทางโคลนและแอ่งโคลน MUD And Ruts, โหมดลุยทางพื้นหญ้า-กรวด-หิมะ Grass- Gravel- Snow และโหมดลุยพื้นทราย Sand พร้อมเกียร์ฝาก 4WD แบบ twin-speed transfer box และ ล็อกเฟืองท้าย Differential Controls มีมุมเบรกโอเวอร์ที่ 337.5, 27.8 และ 40 องศา ลุยน้ำสูงสุด 900 มม.
Land Rover DEFENDER 110 V8 มีคันเดียวในประเทศไทยและพร้อมจำหน่ายคาดว่ารุ่นนี้สั่งตามออเดอร์โดยสามารถชมตัวจริงตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.00-20.00 น. ที่ โชว์รูม พารากอน ชั้น 2 เท่านั้นในราคา 16,000,000 บาท
และนอกจากนี้ในวันที่ 31 พฤษภาคม Land Rover เตรียมเปิดตัว Land Rover DEFENDER 130 5 ประตูช่วงยาวให้ขาลุยทั่วโลกได้ชมกัน โดยขยายความยาวตัวถังเป็น 5,100 มม. นั่งได้ 8 ที่นั่ง มีให้เลือกทั้งแบบขุมพลังมีให้เลือกหลากหลายทั้งสันดาปล้วน เบนซินเทอร์โบ กับ เบนซินเทอร์โบ MHEV ดีเซลเทอร์โบ MHEV และเบนซินเทอร์โบ PHEV
ที่มา Land Rover Club Thailand