หลังขายที่ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และบางประเทศไปแล้วสำหรับ Subaru Crosstrek เอสยูวีเจเนอเรชันที่ 3 ที่สานต่อความเท่ ลุย สปอร์ตจาก Subaru XV
โดยเว็บรถยนต์ Autohome รายงานว่า ทาง Subaru เมืองจีนเตรียมแผนที่จะเปิดตัวเอสยูวีเจนใหม่นี้ เข้มหล่อตั้งแต่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม hexagon grill งานนี้ออกแบบเส้นแนวนอนปะตราดาวลูกไก่ทอดยาวไปถึงไฟหน้า LED ทรงเพรียวลง รับกับชุดกันชนหน้าสปอร์ตที่มีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ไฟตัดหมอก LED
ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/60 R 17 และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18 ซุ้มล้อหน้ามีช่องระบายอากาศโดยการออกแบบซุ้มล้อหน้าและหลังดีไซน์เดียวกับ Subaru WRX เจนใหม่ กระจกเสา C ที่ครอบด้วยกรอบสีดำเข้ม
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูนสีดำ ราวหลังคา หลังคาซันรูฟ เสาอากาศครีบฉลามสีดำ ไฟท้าย LED รูปตัว U ทรงเหลี่ยมสปอร์ตขาว-แดง พร้อมคิ้วสีเดียวกับตัวรถปะตราโลโก้ดาวลูกไก่ยาวจนถึงขอบไฟท้าย กันชนหลังเสริมชุดแต่งสีดำและแผงทับทิมสีแดง
ภายในได้รับอิทธิพลดีไซน์แผงคอนโซลหน้าจาก Subaru WRX แต่ปรับปรุงให้เข้าตัวตนตั้งแต่มาตรวัดความเร็วและรอบเครื่อง พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID 4.2 นิ้ว ระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัส 11.6 นิ้ว สไตล์ tablet-style infotainment รวมการทำงานความบันเทิงเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto เครื่องปรับอากาศ Dual Zone ไว้ในที่เดียวกัน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะนั่งคุณภาพปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมความจำ และเบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 พร้อมช่องเสียบ USB พิเศษด้วยสครัพเพลทชายประตูสี่บานและด้านท้ายออกแบบพิเศษเพื่อกันเศษ หิน ดิน โคลน และกันลื่นเข้ามา
สเปกจีนยังไม่แน่ชัดว่าจะมาทั้ง เบนซิน Hybrid หรือ e-Boxer 2.0 ลิตร (FB20) direct injection พร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS) 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 16.7 แรงม้า แรงบิด 66 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium Ion ขนาด 13.5 kWh
กับเบนซินล้วน Boxer 2.0 ลิตร (FB20) direct injection พร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS) 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร โดยจะมาทั้งสองขนาดหรือเลือกขนาดเดียวนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด
คู่กับ เกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT แบบ 7 สปีด มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive เสริมระบบ X-MODE โดย Subaru Crosstrek เจนใหม่จะเปิดตัวที่จีนภายในปี 2023 นี้ ส่วนเมืองไทยอาจได้พบกันช่วงปลายปีนี้
ที่มา Autohome
