การซื้อรถสักคันจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่หากซื้อด้วยเงินสด และยังมีอีกทางเลือกสำหรับคนที่งบไม่มาก แต่พอจะมีกำลังจ่าย ก็คือการผ่อนจ่ายรายเดือน ซึ่งยังคงเป็นทางเลือกของคนส่วนใหญ่
ก่อนที่จะเลือกอย่างที่สองนั้น คุณจะต้องเตรียมตัวอย่างไร มีสิ่งไหน ปัจจัยอะไรให้คิดบ้าง ลองมาดูคำแนะนำดีๆ จากพวกเรากันค่ะ
1.ตรวจสอบแบล็คลิสต์ (Blacklist) และเครดิตบูโร
หากมีความคิดที่อยากจะซื้ออะไรสักอย่างแล้ว ก่อนจะเช็กสินค้าที่ต้องการ ควรที่จะเช็กที่ตัวคุณเองก่อน ว่ามีประวัติเสียในเครดิตบูโรหรือเปล่า เช่น เคยค้างค่างวดบัตรเครดิต เคยผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิต เพราะถ้าหากมีจะต้องทำเรื่องปิดให้เรียบร้อยเสียก่อน และต้องรอระยะเวลาซึ่งในปัจจุบันนี้มีการอนุโลมให้ ครึ่งปี – หนึ่งปี จึงจะเริ่มผ่อนรถได้ แต่ถ้าอยากซื้อเลย จำเป็นต้องใช้ ต้องนำใบปิดเรื่องมายื่นกับไฟแนนซ์ และวางเงินดาวน์ก้อนใหญ่ประมาณ 40% ขึ้นไป โดยไฟแนนซ์จะพิจารณาเป็นกรณีไปค่ะ
2.เตรียมเอกสารให้พร้อม
ถ้าหากเช็กทุกอย่างแล้ว ไม่มีประวัติเสียหรือปิดเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเตรียมเอกสารสำคัญ โดยแบ่งออกเป็นชุดเอกสาร สำหรับพนักงานประจำ และ อาชีพอิสระ ตามนี้
-
-
- พนักงานประจำ
– สำเนาบัตรประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน (เตรียมเผื่อไว้สำหรับ 3-4 ชุด)
– สลิปเงินเดือนหรือใบรับรองเงินเดือน (สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน)
– สมุดบัญชีธนาคารหรือบัญชีที่ได้รับเงินเดือน ย้อนหลัง 6 เดือน เพื่อดูความสามารถในการชำระหนี้
หากไม่ค่อยได้อัปเดตสมุดบัญชี สามารถใช้ Statement (ย้อนหลัง 6 เดือน) ได้ - อาชีพอิสระ (เช่น ค้าขาย เจ้าของกิจการ ฯลฯ)
– สำเนาบัตรประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน (เตรียมเผื่อไว้สำหรับ 3-4 ชุด)
– ใบเสร็จ ใบส่งของ หลักฐานการซื้อขาย หรือเอกสารจดทะเบียนร้านค้า ต้องเก็บไว้ยื่นไฟแนนซ์ หากมีสิ่งนี้จะทำให้การอนุมัติผ่านไปได้โดยง่าย
– รูปถ่ายหน้าร้าน พร้อมใบเสร็จค่าเช่าที่ หรือ ภาพเพจในช่องทางออนไลน์
– Statement หรือ รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 1 ปี เพื่อแสดงฐานรายได้ที่มั่นคง
- พนักงานประจำ
-
หากคุณมีรายรับเป็นเงินก้อนจำนวนมากเข้าทุกเดือน และมีรายได้เล็กๆน้อยๆ มาตลอดทุกสัปดาห์ ข้อควรระวังคือ เมื่อมีเงินเข้า อย่าเพิ่งถอนออกจนหมดทันที ให้ทยอยถอนใช้ทีละนิด เพื่อแต่งบัญชีให้ดูมีความมั่นคง ไม่ร้อนเงินหรือดูหมุนเงินจนมากเกินไป และเหลือเงินคงค้างติดบัญชีไว้ประมาณ 10% จะดูน่าเชื่อถือที่สุด
3.จำนวนยอดดาวน์
เงินดาวน์ คือ เงินสดที่คุณต้องจ่ายเป็นส่วนแรก สำหรับค้ำประกันการออกรถ เมื่อหักลบจากราคาต้นของรถแล้ว เหลือเท่าไหร่ ไฟแนนซ์จะนำยอดที่เหลือ (ยอดจัด) ไปคูณเปอร์เซ็นต์ดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อคิดยอดผ่อนชำระที่คุณต้องจ่ายต่อเดือน
นั่นหมายความว่า หากคุณวางเงินดาวน์สูง ภาระในการผ่อนชำระแต่ละเดือนยิ่งต่ำลง หรือพูดง่ายๆ ว่า ดาวน์สูง – ผ่อนต่ำ, ดาวน์ต่ำ – ผ่อนสูง
แต่ถ้ามีเงินสดจำนวนมากพอ ควรวางเงินดาวน์ให้สูงจะดีมาก เพราะดอกเบี้ยรถยนต์ เป็นดอกเบี้ยตายตัว ต่อให้มีเงินก้อนมาปิดในภายหลัง งวดที่เหลือก็ยังเสียดอกเท่าเดิม ต่างจากการผ่อนบ้านที่สามารถปิด ให้ดอกเบี้ยลดลงได้
สิ่งที่ต้องระวังก็คือ หากเลือกดาวน์น้อยกว่า 20% ของราคารถจะต้องมีคนค้ำประกัน หรือ หากรายได้ไม่ถึง 2 เท่าของค่างวดรถควรมีคนซื้อร่วม 1 คน ถึงจะผ่านไฟแนนซ์ง่ายขึ้น
4.ระยะเวลาผ่อนชำระ
นอกจากจำนวนเงินดาวน์ อีกปัจจัยที่มีผลต่อการคิดดอกเบี้ย คือ จำนวนงวดผ่อนชำระ หากยิ่งผ่อนนาน ดอกเบี้ยยิ่งสูงขึ้นตามจำนวนระยะเวลา โดยส่วนมากจำนวนงวดที่นิยมกันจะอยู่ที่ประมาณ 48 เดือน (4ปี) หรือ 60เดือน (5ปี) ถ้านานกว่านี้ ดอกเบี้ยจะสูงขึ้นจนทำให้คุณอาจจะท้อและตามไม่ทันรถรุ่นใหม่ก็ได้ และอาจจะต้องจ่ายเงินไปเรื่อยๆ มากเกินงบประมาณที่คาดไว้ ยิ่งเลือกผ่อนหมดเร็ว ดอกเบี้ยยิ่งต่ำ ถ้าให้แนะนำ ควรภายในระยะเวลา 4-5 ปี ดีที่สุด จะได้ไม่เป็นภาระนานเกินไป
สำหรับใครที่กำลังอยากได้รถใหม่ ได้รับคำแนะนำนี้แล้ว ลองเอาไปพิจารณาดูนะคะ ว่ารายได้และความต้องการของคุณนั้นมีความสามารถในการผ่อนได้เท่าไร หากอดทนเก็บเงินก้อนเอาไว้ดาวน์สูงสักนิด ก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยในการผ่อนชำระรายเดือนสูง
แต่ถ้าหากหาทางเลือกอีกทาง Car2day ขอแนะนำรถมือสองคุณภาพดีที่จะช่วยให้คุณสบายมากขึ้น ได้รถเหมือนใหม่ และยังราคาเบาสบายอีกด้วย ติดตามได้ที่นี่เลย