More

    สรุปไทม์ไลน์ เรื่องยุ่ง ๆ ในมุ้ง Alpine

    หลังจบการแข่งขัน Hungarian Grand Prix หลายฝ่ายก็พร้อมที่จะเข้าสู่ซัมเมอร์เบรกเพื่อพักผ่อนและปรับเซตตัวเองใหม่ให้พร้อมสู้ศึก F1 ในครึ่งหลังของฤดูกาล 2022 แต่ก็มีอีกหลายคนที่ดูจะต้องมีเรื่องให้ขบคิดแก้ปัญหาในระหว่างซัมเมอร์เบรกนั้น

    หนึ่งในคนกลุ่มที่มีปัญหานั้นน่าจะเป็นเหล่าทีมงาน Alpine ซึ่งนักแข่งคนหนึ่งของทีมอยู่ ๆ ก็ประกาศย้ายทีมสายฟ้าแล่บ ในขณะที่อีกคนซึ่งทางทีมตั้งใจให้มาลงขับแทน กลับปฏิเสธการลงขับโดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีการเซ็นสัญญาใด ๆ

    เรื่องราวดราม่าจนถึงตอนนี้นั้น มีประเด็นเริ่มมาจากการที่ Sebastian Vettel นักแข่งสังกัด Aston Martin ประกาศรีไทร์จากวงการหลังจบฤดูกาล 2022 นั่นทำให้มันมีที่นั่งว่าง “โผล่” ขึ้นมาหนึ่งที่

    หลายฝ่ายก็คาดการณ์กันไปต่าง ๆ นานา แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครคาดคิดว่า Fernando Alonso นักแข่งสังกัด Alpine จะดอดเข้าไปเซ็นสัญญากับ Aston Martin และก็ได้รับการประกาศเป็นตัวแทน Vettel เลยตั้งแต่ก่อนซัมเมอร์เบรก

    “มันเป็นการยืนยันครั้งแรกที่ผมได้รับทราบ” Otmar Szafnauer ทีมบอส Alpine กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาเองก็พึ่งทราบเรื่องพร้อม ๆ กันกับสื่อนี่แหละ “เมื่อคุณอยู่ในแพดด็อก มันก็มีข่าวลือมากมาย และผมได้ยินข่าวลือว่า Aston นั้นสนใจในตัวเขา”

    “เมื่อคุณได้ยินว่าพวกเขาสนใจ มันก็เป็นไปได้ว่าการพูดคุยนั้นได้ถูกทำไปแล้ว และมันก็มีสื่อที่เสนอว่าพวกเขาได้มีการพูดคุยกัน เช่น การเดินเข้าออกมอเตอร์โฮมในเวลาเดียวกัน อะไรแบบนั้น ซึ่งผมเห็นแล้ว”

    “แต่ผมเองก็มั่นใจว่า ต่อให้มีการพูดคุยกัน และก็ไม่ได้ผิดที่พวกเขาจะพูดคุยกัน เรานั้นใกล้ที่จะบรรลุสัญญาแล้ว ดังนั้น ใช่… การยืนยันครั้งแรกที่ผมได้รับคือการได้ยินจากคำแถลง ผมก็ถามเขา (Fernando Alonso) ไปแล้วนะ แล้วเขาก็บอกกับผมว่า ‘ไม่นะ ไม่ ผมยังไม่ได้เซ็นอะไรกับใคร’ ดังนั้นผมก็ประหลาดใจทีเดียว”

    นักแข่ง Alpine

    Szafnauer ยังได้กล่าวว่า Alpine นั้นยื่นข้อเสนอให้กับ Alonso เป็นสัญญา 1 ปี บวกออพชั่นต่อสัญญาอีก 1 ปี และนั่นเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายคาดว่า มันไม่ตอบสนองต่อความต้องการของนักแข่งสแปนิช ที่ยังคงต้องการโลดแล่นอยู่ในวงการไปอีกหลายปี

    ทางด้าน Aston Martin นั้นก็รู้ดีว่า Vettel เองก็กำลังประเมินอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ดังนั้นทีมแข่งจากสหราชอาณาจักรฯ จึงได้เร่งให้ Vettel รีบทำการตัดสินใจ และเมื่อผลออกมาเป็นว่าแชมป์โลก 4 สมัย ต้องการที่จะอำลาวงการ ค่ายรถประจำตำแหน่งของสายลับ 007 จึงได้ขยับความเคลื่อนไหวในการมองหานักแข่งที่จะมาแทนนักแข่งเยอรมันทันที

    Aston Martin รู้ดีว่า ถ้าหากพวกเขาทำอะไรชักช้า ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็จะถูกชิงตัดหน้าไป แล้วใครกันที่จะมีดีพอทั้งฝีมือ ประสบการณ์ และการเป็นภาพลักษณ์ที่ดีให้กับทีมของพวกเขาแบบที่ Vettel เป็น คำตอบนั้นชัดเจน Fernando Alonso

    เป็นที่ทราบกันดีกว่า เจ้าของทีม Aston Martin อย่าง Lawrence Stroll นั้น มีความกระหายอยากที่จะได้ตัวแชมป์โลก 2 สมัย ชาวสเปน มาอยู่ในสังกัด พวกเขาได้ทำการเจรจากัน และ Stroll ดูเหมือนว่าจะมีรายละเอียดแผนการในการทำทีมที่สร้างความมั่นใจให้กับ Alonso เพียงพอ

    คาดการณ์กันว่า 2 ปัจจัยที่ทำให้ Alonso ตัดสินใจจรดปากกาเซ็นสัญญากับ Aston Martin นั้นมาจาก หนึ่งคือเรื่องเงิน และสองคือระยะเวลาของสัญญา ซึ่ง Alonso มีความต้องการที่จะแข่งขัน F1 ต่อไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี และเขาได้เซ็นสัญญาแบบหลายปีกับทีมแข่งจากสหราชอาณาจักรฯ

    “ทุกวันนี้ไม่มีใครใน Formula One ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในความต้องการที่จะชนะ (ของ Aston Martin) และนั่นทำให้เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ สำหรับผม ผมยังคงมีความกระหายและความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้อยู่ในแถวหน้า และผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่มุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ พัฒนา และประสบความสำเร็จ” นั่นเป็นสิ่งที่ Alonso กล่าวในแถลงการณ์ย้ายทีมของเขา

    นักแข่ง Alpine

    เอาล่ะ… ในเมื่อ Alonso เลือกที่จะไป Alpine ก็ต้องหาตัวแทนมาลงเก้าอี้ของทีมในปีหน้า และพวกเขาก็ไม่ต้องมองหาไกล เพราะว่าพวกเขามี Oscar Piastri นักแข่งในโปรแกรมพัฒนานักขับเยาวชนและนักขับสำรองของทีมที่พวกเขาพยายามหาเก้าอี้ให้ลงแข่งขันในปี 2023 มาโดยตลอด

    แล้วจะรออะไรอยู่? Alpine ก็ได้ประกาศให้ Piastri มาลงแข่งขันให้กับทีมในปี 2023 ทุกอย่างเรียบง่าย ลงตัว จบสวย

    มันควรจะเป็นเช่นนั้น แต่แล้วเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ Alpine ประกาศไลน์อัพนักแข่งของทีมในปี 2023 Piastri ก็ได้ขึ้นแถลงการณ์ของตัวเองในทวิตเตอร์ว่า แถลงการณ์ของ Alpine นั้นเกิดขึ้นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา และนักแข่งออสเตรเลียนปฏิเสธที่จะลงแข่งขันให้กับทีมแข่งเฟรนช์ในปีหน้า

    “ผมเข้าใจว่า ทีมแข่ง Alpine F1 ได้ออกแถลงข่าวในช่วงบ่ายวันนี้ว่า ผมกำลังจะไปขับให้กับพวกเขาในปีหน้า โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผม นี่เป็นสิ่งที่ผิด และผมยังไม่ได้เซ็นสัญญากับ Alpine สำหรับปี 2023 ผมจะไม่ขับให้กับ Alpine ในปีหน้า” เป็นคำแถลงการณ์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวของ Piastri

    เรียกได้ว่า เหมือน Alpine ถูกตบหน้าอย่างจัง 2 ครั้งติด ครั้งแรกกับการประกาศย้ายทีมของ Alonso เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทางทีมให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า พวกเขามั่นใจว่าดีลกับ Alonso นั้นใกล้บรรลุผลเต็มที จากนั้นก็มาเป็นเคสของ Piastri อีก นั่นทำให้ในช่วงซัมเมอร์เบรกนี้น่าจะเป็นช่วงที่น่าปวดหัวเป็นอย่างมากของเหล่าบรรดาผู้บริหารในทีม Alpine

    แล้วทำไม Piastri ถึงกล้าปฏิเสธการลงแข่งขัน F1 ให้กับทีมที่หนุนหลังตัวเอง? มันมีประเด็นที่มีความซับซ้อนต่อออกมาอีกครับ

    นักแข่ง Alpine

    ต้องอธิบายก่อนว่า การที่คุณเป็นนักแข่งรถและต้องว่างเว้นจากการแข่งรถไปเป็นเวลา 1 ปี นั่นเป็นเรื่องที่เจ็บปวดไม่น้อย และมันเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคุณว่างเว้นการแข่งรถหลังจากที่คุณพึ่งคว้าแชมป์โลก Formula 2 รายการแข่งขันระดับสูงที่เป็นรองเพียงแค่ Formula 1 เท่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาของการทำสัญญาระหว่างนักแข่งออสเตรเลียนกับ Alpine

    สัญญาฉบับนี้กล่าวโดยสังเขปว่า Alpine จะต้องหาที่นั่งให้กับ Piastri ในปี 2023 ให้ได้ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญา หรือก็คือ การประกาศตัวให้นักแข่งออสเตรเลียนลงแข่งขันให้กับ Alpine นั้น มันเลยกำหนดวันที่สิ้นสุดสัญญามาแล้ว

    แน่นอนว่าระหว่างนั้นแชมป์โลก F2 2021 ของเราย่อมไม่อยู่เฉยเพื่อรอคำตอบจาก Alpine เพียงอย่างเดียว เขาเองก็ได้หาทางที่จะลงแข่งขัน F1 ในปี 2023 ให้ได้ โดยในตอนแรกนั้น ดูเหมือนว่า Alpine พยายามจะทำข้อตกลงกับ Williams ที่จะให้ Piastri ไปขับ แต่ทางด้าน Piastri และ Mark Webber ผู้จัดการของเขาดูเหมือนว่าจะไม่เห็นด้วยเช่นนั้น โดยแหล่งข่าวระบุว่า อดีตนักแข่ง F1 สังกัด Red Bull ได้เข้าไปเจรจากับ McLaren ในการให้ Piastri ไปแทนที่ Daniel Ricciardo ที่กำลังหาฟอร์มตัวเองไม่เจอ

    ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า การที่ Alpine ประกาศยืนยันตัว Piastri อาจจะเป็นเพียงเพื่อการเตือนไปยังคนอื่น ๆ ว่า พวกเขาอาจจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ทางกฎหมาย หากยังคงเข้ามาตามจีบหนุ่มออสเตรเลียนคนนี้

    อย่างไรก็ตาม การที่ Piastri กล้าที่จะทวีตปฏิเสธไม่ลงแข่งขันให้กับ Alpine ในปีหน้า นั่นทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า นักแข่งออสเตรเลียนอาจจะบรรลุข้อตกลงเซ็นสัญญากับทีมใดทีมหนึ่งไปแล้วเรียบร้อย และมันมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ทีมนั้นจะเป็น McLaren

    และเช่นเคย ทีมแข่งจากโวกกิ้งเองก็ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใด ๆ ต่อประเด็นนี้

    อ้างอิง : motorsport.com

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts