More

    Solid-state battery แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงจาก Rimac อาจนำมาใช้ในเครื่องยนต์ Bugatti รุ่นใหม่

    โลกของซูเปอร์คาร์กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รถรุ่นใหม่ต้องการทั้งพลัง ความคล่องตัว และประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ ล่าสุด Rimac สตาร์ทอัพผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟฟ้าจากโครเอเชีย กำลังพัฒนา Solid-state battery และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า (e-axle) ซึ่งอาจติดตั้งในรถรุ่นใหม่ เทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าไม่เพียงแต่เร็วขึ้น แต่ยังฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่เคย

     

    Solid-State Battery

    Bugatti กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า หลังจากหยุดการผลิตเครื่องยนต์ W-16 ที่โด่งดังจาก Veyron ไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ Tourbillon รถรุ่นใหม่ของ Bugatti ยังคงใช้เครื่องยนต์ 16 สูบที่จัดเรียงเป็นรูปตัว V และเพิ่มระบบช่วยขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้าไป ซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่หลังจากรวมกิจการกับ Rimac Automobili บริษัทสตาร์ทอัพเกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากโครเอเชีย ในปี 2021

    บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยเฉพาะ แบตเตอรี่โซลิดสเตต (solid-state battery) ที่คาดว่าจะถูกติดตั้งใน Bugatti รุ่นใหม่ก่อนปี 2030

     

    Solid-State Battery

    ล่าสุด Nurdin Pitarevic ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Rimac Technology ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Rimac Group และร่วมทุนใน Bugatti Rimac ให้สัมภาษณ์กับ Autocar ว่า Rimac กำลังพัฒนา แบตเตอรี่โซลิดสเตต และ e-axle ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดแต่ทรงพลัง ซึ่งจะช่วยยกระดับซูเปอร์คาร์ของ Bugatti ให้ก้าวไปอีกขั้น

    Nurdin Pitarevic กล่าวว่า “การพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตตกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดย Rimac ได้ร่วมมือกับ ProLogium ผู้ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ และทีมวัสดุคอมโพสิตของ Mitsubishi จะมีการทดสอบในเร็ว ๆ นี้ เป้าหมายคือเปิดตัวใน Bugatti รุ่นใหม่ภายในปี 2030 ในระดับ mid-volume”

    คาดว่า แบตเตอรี่โซลิดสเตต จะมีราคาสามารถเทียบเท่ากับแบตเตอรี่ NMC ปัจจุบันได้ภายในปี 2035 แม้ Rimac จะไม่ได้วางแผนผลิตในปริมาณมากพอสำหรับรถยนต์ทั่วไป แต่บริษัทพร้อมพิจารณาให้สิทธิ์การใช้งานเทคโนโลยีกับผู้ผลิตรถยนต์ที่สนใจ

     

    Solid-State Battery

    แบตเตอรี่ โซลิดสเตต ถูกทองว่าเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า โดยแบตเตอรี่ต้นแบบความจุ 100 kWh ให้พลังงานสูงขึ้นประมาณ 20–30% และน้ำหนักเบาลงถึง 30 กิโลกรัม ซึ่งตัวเคสทำจากวัสดุคอมโพสิตที่แข็งแรงเป็นพิเศษ รุ่นใหม่ของ Mitsubishi ทำให้แบตเตอรี่รุ่นนี้สามารถชาร์จได้เร็วขึ้นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

    แบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้จะทำงานร่วมกับชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบใหม่ (E-Axle) ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เกียร์ และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีกำลังถึง 200–470 แรงม้า รองรับทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถใช้งานได้ทั้งในรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด 

    Nurdin Pitarevic เผยว่ามีบริษัทหลายแห่งที่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีนี้ อาทิ BMW, Porsche และ CEER สตาร์ทอัพ EV ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านรถยนต์ไฟฟ้าที่ก่อตั้งโดยกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ ซาอุดีอาระเบีย 

    นอกจากพลังงานจากแบตเตอรี่แล้ว  Rimac กำลังมีการพัฒนา ชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า (E-Axle) เจเนอเรชันใหม่ อีก 2 แบบ ที่จะเข้ามาพลิกโฉมการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง โดย ชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าชุดแรกถูกออกแบบมาใช้สำหรับรถ SUV ของ CEER (บริษัทยังไม่เปิดเผยรุ่นรถ)  มีน้ำหนักเพียง 132 กิโลกรัม แต่สร้างกำลังได้ใกล้เคียงกับมอเตอร์หลังที่ให้กำลังถึง 612 แรงม้า ซึ่งเป็นมอเตอร์ที่เคยใช้ใน Rimac Nevera แต่รุ่นเดิมมีน้ำหนักมากถึง 198 กิโลกรัม และอีกชุดที่แสดงให้เห็นศักยภาพสูงสุดของวิศวกรรมไฟฟ้า โดยมีกำลังสูงถึง 500 แรงม้า แต่มีน้ำหนักเพียง 48 กิโลกรัม เท่านั้น

     

    แม้ว่านวัตกรรมเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาและอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะพร้อมใช้งาน แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีไฟฟ้าสมรรถนะสูง และทิศทางในอนาคตของรถซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า

    ข้อมูลจาก: caranddriver.com
    ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่: car2day.com

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts