More

    ปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกัน รถยนต์ไฟฟ้า(EV) แพงกว่า รถยนต์น้ำมัน

    เนื่องจากปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โตขึ้นมาก แต่ก็ยังมีผู้ใช้จำนวนยังเทียบเท่ากับรถยนต์น้ำมันเพียง 5-8% และสถิติความเสียหายของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็ยังคงมีจำนวนน้อย ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยอาจไม่สามารถสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงได้ ทางบริษัทต่าง ๆ จึงได้มีการกำหนดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอัตราที่สูงกว่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ทั่วไปประมาณ 20% เนื่องจากการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีค่าแรงและค่าอะไหล่ที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป เพราะหากเกิดปัญหาจะต้องเข้าศูนย์หลักเท่านั้น 

    ปัจจัยที่ทำให้ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาสูง!!

    จริง ๆ ปัจจัยที่ทำให้ประกันรถยนต์ (EV) แพงกว่ารถน้ำมันนั้น ก็อย่างที่เราได้กล่าวมาข้างต้นว่าความเสี่ยงต่อการดูแลนั้นยังคงสูง เพราะยังมีผู้ใช้จำนวนน้อย และยังไม่สามารถประเมินความเสียหายอย่างแท้จริงได้จากการซ่อมแซมหรือดูแลอุปกรณ์ อะไหล่ ตัวเครื่อง ตัวแบตเตอรี่ ส่วนหนึ่ง ลองมาดูว่าความคิดเห็นจากตัวแทนประกันที่ให้เหตุผลของปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าแพงนั้น มีอะไรบ้าง มาดูกันครับ

    • ศูนย์บริการยังคงไม่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

    ความสำคัญในเรื่องนี้ส่งผลกับราคาของประกันรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจาก การที่ยี่ห้อรถยนต์ที่ยังไม่มีศูนย์บริการในประเทศไทย จะส่งผลให้การซ่อม การเบิกอะไหล่ เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นใช้เวลานานและหายาก ซึ่งการที่จะให้ลูกค้ารอนานมากขนาดนั้น ทางบริษัทประกันฯ จะได้รับความเสียหายเพิ่มมาขึ้นทุกวัน เพราะทางผู้ให้บริการก็ไม่สามารถให้คำตอบได้อย่างชัดเจนว่าจะได้รับอะไหล่เมื่อใด โดยหลักการนี้นอกจากทำให้ประกันรถยนต์ (EV) แพงแล้ว ยังเป็นหลักการเดียวกับที่ทำให้รถยุโรป ซุปเปอร์คาร์ เช่น ปอร์เช่ เฟอร์รารี่ แลมโบกินี่ ประกันก็แพงมาก ๆ ขึ้นไปเป็นเท่าตัวเช่นกัน

    • ค่าแรงและค่าอะไหล่ (ต้องซ่อมศูนย์เท่านั้น)

    เป็นความเกี่ยวข้องกับข้อแรกด้านบน ก็คือ ค่าแรงและค่าอะไหล่ เนื่องจาก ศูนย์บริการในไทยโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ยังคงไม่แพร่หลาย และต้องใช้ช่างเฉพาะทาง อะไหล่เฉพาะรุ่น และยังไม่มีผู้ผลิตอะไหล่แพร่หลายอีก เช่นกันกับที่ศูนย์หายากก็ช่างซ่อมหายากนี่แหละ ที่ทำให้ยังไม่มีมาตรฐานราคาที่จะรับรอง ตอนนี้แผนประกันรถยนต์ไฟฟ้า จึงมีแต่แบบซ่อมศูนย์เท่านั้น ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าการส่งซ่อมศูนย์แพงกว่าอู่ด้านนอกแน่นอน

    • ยังคงมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) น้อยมากกว่าความสนใจในกระแส

    อีกเหตุผลที่สำคัญก็คือ เรื่องการคำนวณความเสี่ยงเพราะผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยยังไม่ได้มีจำนวนเยอะถึงขนาดที่สามารถคำนวณความเสี่ยงได้แม่นยำและชัดเจนเป็นรูปแบบที่ตายตัว

    การทำสถิติอุบัติเหตุ การประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นต่าง ๆ เมื่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เกิดอุบัติเหตุ จึงยังไม่แน่นอน ทำให้บริษัทประกันต้องตั้งราคาสูงกว่าความเป็นจริง เพื่อทดแทนความเสี่ยงที่ยังไม่แน่นอนส่วน

    • บริษัทประกันที่รับประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังน้อย

    ปัจจุบันเท่าที่ทราบ บริษัทประกันที่รับประกันรถยนต์ไฟฟ้า มีอยู่ประมาณ 5-6 บริษัท เมื่อเทียบกับบริษัทประกันที่รับประกันรถยนต์น้ำมัน ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้บริษัทประกันที่รับประกันรถยนต์ไฟฟ้า อาจจะตั้งราคาที่สูงได้ เพราะว่าคู่แข่งยังน้อย และบริษัทที่ออกมารับประกันรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้ก็มีแต่บริษัทระดับ TOP ที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาสูงเป็นทุนเดิม จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาประกันรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์น้ำมัน

    สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ดีไหม ลองใช้ปัจจับเรื่องประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ประกอบการตัดสินใจดูก่อน ถ้าไหวก็สามารถที่จะซื้อได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็ยังมีทางเลือกสำหรับการประหยัดน้ำมันอย่างรถจำพวก PHEV ที่ใช้สองพลังงานร่วมกันได้อยู่ 


    บทความอื่น ๆ

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts