หลังจากที่ราคาน้ำมันขึ้นไม่พักและไม่เคยต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร มาเป็นเวลานานนับปี และเป็นปรากฎการณ์ที่น้ำมันเบนซินพุ่งสูงเกือบ 50 บาทในต้นปี 2565 นี้ ทำให้ผู้ใช้รถหลายคนกุมขมับกับราคาที่แพงเกินกว่าจะรับไหว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของยานยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปเข้าสู่โลกของรถยนต์พลังไฟฟ้า ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วกว่าที่คาดพอสมควร โดยเชื่อว่าในอีกไม่ช้าหรือเร็ว ความนิยมของรถไฟฟ้าจะมาแทนที่ตลาดรถยนต์น้ำมันอย่างแน่นอน
และอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นการเร่งให้ผู้คนหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นคงหนี คงจะเป็นเพราะความพร้อมของสถานีชาร์จไฟที่มีมากเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดจนราคารถยนต์ไฟฟ้าที่จับต้องได้มากขึ้น มีออกมาหลากหลายมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้มาดูความพิเศษของรถยนต์ไฟฟ้าที่อย่างน้อยควรมีสักคันในชีวิต และเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์น้ำมันแล้วจะน่าสนใจมากกว่าขนาดไหน มาดูกันครับ
1. รถยนต์ไฟฟ้าเร็วและแรงกว่ารถยนต์น้ำมัน
หลายคนสงสัยถึงความเร็ว ความแรง ของรถยนต์ไฟฟ้าว่าจะเร็วกว่าระบบขับเคลื่อนโดยน้ำมัน หัวสูบ เครื่องยนต์ได้อย่างไร โดยมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถนั้นสามารถสร้างแรงบิดที่มหาศาล มากพอที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องมีการทดเกียร์แต่อย่างใด เรียกว่ามอเตอร์ไฟฟ้าถูกสร้างกำลังความแรงมาเท่าไหร่ ก็ส่งไปขับเคลื่อนความแรงตามกำลังนั้นเลย
และในส่วนเครื่องยนต์สันดาปจำเป็นต้องมีระบบเกียร์มาช่วยทดกำลังของเครื่องให้เหมาะสม เมื่อแรงจากเครื่องยนต์ถูกลดทอนลงด้วยระบบเกียร์ส่งกำลัง ก็ไม่ผิดแปลกอะไรเครื่องยนต์จะตกเป็นรองมอเตอร์ไฟฟ้าถ้ามองในแง่ของขุมพลัง
2. รถยนต์ไฟฟ้าสร้างมลพิษน้อยกว่า
ในเมื่อไม่เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงเกิดขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้า ก็เท่ากับว่าจะไม่มีมลพิษจากท่อไอเสียปล่อยออกมาจากตัวรถ เรียกได้ว่าเป็นพลังงานสะอาดรักษ์โลก ช่วย Save the world ได้กันเลยทีเดียว แถมยังไม่ต้องเสียเวลาถ่ายน้ำมันเครื่องนับระยะกันนอีกด้วย นอกจากมลพิษที่ไม่มีการปล่อยออกมาแล้ว มลพิษทางด้านเสียงรบกวนก็แทบจะไม่ลั่นออกมาให้รำคาญใจ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนแต่อย่างใด ทำให้ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวนในการขับขี่ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอีกเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าครับ
3. รถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนน้อย น้ำหนักเบา ไม่ซับซ้อน
องค์ประกอบหลักในการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้ามีเพียงแค่ 3 ส่วน ซึ่งประกอบไปด้วย แบตเตอรี่ (lithium ion battery), อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (inverter), มอเตอร์ไฟฟ้า (Motor) แค่เพียง 3 องค์ประกอบเท่านั้น ก็สามารถทำให้รถไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งมันแตกต่างกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยองค์ประกอบหลักในการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์มีความซับซ้อนมากกว่า เมื่อต้องหาจุดซ่อมแซมจึงสามารถจัดการได้ง่ายมากกว่า
4. แพลตฟอร์มสเกตบอร์ด (Skateboard Platform) ทำให้จัดสรรพื้นที่ได้อิสระมากขึ้น
เรียกได้ว่ามีอิสระในเรื่องการออกแบบดีไซน์พื้นที่อย่างที่รถยนต์น้ำมันปกติทำไม่ได้ ซึ่งแต่ละค่ายรถจะมีแพลตฟอร์มสเกตบอร์ดที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าในค่าย ซึ่งแพลตฟอร์มสเกตบอร์ดจะสามารถปรับแต่งรูปแบบตัวรถตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น รถตู้โดยสารส่วนบุคคล, รถพาณิชย์ MPDV, รถกระบะ ตลอดจนรถเก๋ง
นอกจากนี้แพลตฟอร์มสเกตบอร์ด ได้รับการออกแบบให้สามารถติดตั้งมอเตอร์ขับเคลื่อนได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เดี่ยว/ขับหน้า หรือมอเตอร์คู่/ AWD, รองรับการติดตั้งแบตเตอรี่ได้ในขนาดต่าง ๆ ที่บริษัทได้ออกแบบเผื่อไว้ เรียกได้ว่าแพลตฟอร์มสเกตบอร์ดเป็นอะไรที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ได้หลายรูปแบบเลยจริงๆ
5. แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น
แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเกิดได้ง่าย เมื่อเทียบกับแบรนด์รถยนต์น้ำมัน ซึ่งสามารถสังเกตได้อย่างง่าย ๆ ถึงความแตกต่างของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน เรียกได้ว่ามีจำนวนมากพอสมควร อีกทั้งยังสามารถสู้กับแบรนด์รถเก่าแก่ที่คุ้นชื่อได้อย่างไม่มีปัญหา แบรนด์รถในตำนานทั้งหลายที่รู้จัก อาจได้เปรียบในเรื่องของฐานลูกค้า ที่มีมากกว่า แต่ในเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีที่นำกลับมาพัฒนาใหม่อย่างจริงจัง ความรู้ความสามารถของค่ายรถใหญ่ ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งสร้างตัว
ยกตัวอย่างเช่น Tesla ที่กลายเป็นแบรนด์รถไฟฟ้าเบอร์ 1 ของโลกในปัจจุบัน ซึ่งทาง Tesla เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ นอกจากนี้คุณยังสามารถเห็นแบรนด์รถไฟฟ้าจากจีนที่ขึ้นมาเทียบเคียงแบรนด์รถใหญ่ ๆ อย่างเช่น NIO, Xpeng และ Li Auto ที่เป็นที่นิยมอยู่ขณะนี้ เป็นต้น
สามารถมองได้ว่าในปัจจุบันการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขยายตัวรวดเร็วเป็นอย่างมาก ตลอดจนเทคโนโลยี และราคาที่มีการแข่งขันที่สูงขึ้น อาจจะด้วยสถานการณ์ราคาน้ำมันที่กำลังพุ่งสูงต่อเนื่องเป็นระยะถี่ จึงทำให้ความสนใจนี้เพิ่มมากขึ้น ดูได้จากงาน Motor Show 2022 ในบ้านเรา แต่ละแบรนด์ก็แข่งกันเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ากันหนักมาก ใครมีกำลังซื้อแบบไหนก็แวะไปจับจองกันได้นะครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง