ถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงผ่านเลยมาเป็นเดือนแล้วก็ตาม แต่ดราม่าในรอบสุดท้ายของอาบูดาบีกรังด์ปรีซ์เรียกได้ว่าเป็นดราม่าในการตัดสินแชมป์โลกมากที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่ผู้ชนะนั้นจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่มันมีการตัดสินใจของ FIA ซึ่งส่งผลไปถึงการตัดสินแชมป์โลกด้วย
แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น แซงผ่าน ลูวอิส แฮมิลตัน ขึ้นมาได้หลังจากที่นายสนามสั่งให้เซฟตี้คาร์เข้าพิทในรอบสุดท้าย และให้รถที่ถูกน็อครอบเฉพาะที่อยู่ระหว่างแฮมิลตันกับเวอร์สแท็พเพ่นแซงผ่านขึ้นไป ทำให้เวอร์สแท็พเพ่นขยับขึ้นมาต่อท้ายแฮมิลตัน และแน่นอนว่าเวอร์สแท็พเพ่นที่มียางสดกว่าแฮมิลตันนั้นก็อาศัยความได้เปรียบตรงนี้ชิงเอาชัยชนะไป
เหตุดราม่าทั้งหมดนั้นเริ่มต้นมาจากการที่ นิโคลาส ลาติฟี นักแข่งวิลเลียมส์พารถของตัวเองหลุดไปชนกำแพงเพียงไม่กี่รอบก่อนจบการแข่งขัน FIA นั้นได้เรียกเซฟตี้คาร์ออกมาตามมาตรฐานเพื่อที่จะได้มีเวลาเคลียร์รถของลาติฟีออกจากแทร็ค
อย่างที่ได้เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง มันมีรถที่ถูกน็อครอบแทรกอยู่ระหว่างอันดับ 1 ของแฮมิลตันกับอันดับ 2 ของเวอร์สแท็พเพ่น ในตอนแรกนั้นนายสนามสั่ง “ไม่ให้รถที่ถูกน็อครอบแซงขึ้นไป” ซึ่งทำให้เวอร์สแท็พเพ่นจะต้องแซงรถอีก 5 คัน ก่อนที่จะมาถึงท้ายแฮมิลตัน หากการแข่งขันได้รีสตาร์ทอีกครั้ง และแน่นอนว่านักแข่งดัตช์แสดงความไม่สบอารมณ์ออกสื่อทางวิทยุ “ใช่… แน่นอนสิ มันก็ต้องตัดสินใจอย่างนั้นสินะ”
แต่แล้วหลังจากนั้นเพียงรอบเดียว นายสนามได้พลิกการตัดสินใจโดยให้รถ 5 คันที่ถูกน็อครอบซึ่งอยู่ระหว่างแฮมิลตันกับเวอร์สแท็พเพ่นได้อันแล็ปตัวเองกลับไป ส่งผลให้เวอร์สแท็พเพ่นขึ้นมาจ่อท้ายแฮมิลตันทันที และผลก็เป็นอย่างที่เราได้เห็นกันไปแล้ว มาถึงจุดนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของฝั่งเวอร์สแท็พเพ่นหรือแฮมิลตัน มันได้เกิดคำถามที่จำเป็นต้องมีคำตอบ
เมอร์เซเดสนั้นรู้สึกโกรธมาก พวกเขาคิดว่าได้ทำทุกอย่างมาอย่างถูกต้อง แต่แล้วกลับถูกกระชากถ้วยที่พวกเขาจับหูไว้แล้วข้างหนึ่งไปโดยมือที่ 3 พวกเขาตัดสินใจประท้วงทันทีหลังจบเรซ
FIA ได้ปัดตกการประท้วงของเมอร์เซเดส หลังจากที่เรดบูลล์ได้ให้เหตุผลว่า “หัวข้อที่ 15.3 นายสนามมีอำนาจที่จะปรับเปลี่ยนการใช้เซฟตี้คาร์ตามความเหมาะสม” นอกจากนั้น FIA ยังได้ให้เหตุผลว่า “นายสนามได้รับการร้องขอมาจากบรรดาทีมแข่งซึ่งเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ว่า พวกเขาต้องการจบการแข่งขันในสภาพไฟเขียวมากกว่าภายใต้เซฟตี้คาร์”
ด้วยกระแสตอบรับในแง่ลบจากแฟนๆ, บรรดานักขับทั้งอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งสื่อโซเชียล FIA จึงได้ให้คำมั่นว่าจะทำการสอบสวนเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง และอ้างอิงจาก Sky Sports การสอบสวนนั้นได้เริ่มทำไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม
การสอบสวนนั้นจะทำโดยการสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึง ไมเคิล มาซี ผู้อำนวยการฝ่ายการแข่งขัน และสจ๊วร์ตคนอื่นๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น เพื่อที่จะได้รับฟังเรื่องราวในทุกๆ ด้าน
คาดว่าเราจะได้ฟังข้อสรุปก่อนการประชุมครั้งต่อไปของสภากีฬายานยนต์โลกในต้นเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนั้นยังมีข่าวลือว่า ที่แฮมิลตันยังเก็บตัวเงียบไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับอนาคตของเขาใน F1 นั่นเพราะเขาต้องการเห็น FIA ดำเนินเรื่องราวให้เป็นรูปธรรมในการจัดการกับเหตุดราม่าที่เกิดขึ้นนี้
ที่มา : wtf1.com
