เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ แบรนด์ MG ได้นำรถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดเล็กอย่าง MG 3 เจเนอเรชันใหม่ มาเสิร์ฟผู้บริโภคแถบยุโรปอย่างเป็นทางการ ในงาน 2024 Geneva Motor Show
รถคันนี้จะวางจำหน่ายในยุโรปและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยได้เผยพละกำลังรถจะติดตั้งระบบไฮบริดไฟฟ้าเบนซินซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า นอกจากนี้ Feifan R7 ยังได้เปิดตัวที่บูธของ SAIC Motor ในงานแสดงรถยนต์ครั้งนี้ และตั้งชื่อว่า MG9 EV และ MG S9 EV
Geneva Motor Show 2024 ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2567 ณ สวิตเซอร์แลนด์ มีผู้ผลิตรถยนต์เพียง 8 รายเท่านั้น ที่มาร่วมแสดงรถยนต์ใหม่ อาทิ ประกอบด้วย Renault, Dacia, BYD, Isuzu, Lucid, MG Motor, Microlino และ Pininfarina เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทำให้หลายค่ายปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาด ทำให้ปีนี้งานแสดงรถยนต์ที่เคยยิ่งใหญ่อันดับต้นของโลก ซบเซาลง
ความเห็นของสื่อต่างประเทศ พูดถึงดีไซน์และสมรรถนะ
ไฟหน้าเฉียบคม และกระจังหน้าช่องรับอากาศขนาดใหญ่ บวกกับช่องรับอากาศรูปบูมเมอแรงทั้งสองด้าน รูปทรงโดยรวมถือว่าดีมาก ดูสปอร์ต เมื่อมองจากด้านข้างตัวรถ รถคันนี้มาพร้อมล้อ 5 ก้านขนาดใหญ่ และรูปทรงมีความไดนามิกมาก รูปทรงไฟท้ายสะท้อนชุดไฟหน้า ตอกย้ำสไตล์เฉียบคม พร้อมแถบไฟ LED เส้นประภายใน จะเห็นได้ว่ารถมีที่ปัดน้ำฝนด้านหลังด้วย
ในแง่ของการตกแต่งภายใน ติดตั้งแผงหน้าปัด LCD เต็มรูปแบบและหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาดใหญ่ ปุ่มกลไกแถวหนึ่งจะยังคงอยู่ด้านล่างหน้าจอ โดยคำนึงถึงทั้งความรู้สึกทางเทคโนโลยีและการใช้งานจริง รถจะใช้กลไกการเปลี่ยนเกียร์แบบลูกบิดซึ่งทำจากโลหะและดูซับซ้อนมาก ใช้การตกแต่งภายในสีดำ และเบาะนั่งมีดีไซน์การเย็บรูปข้าวหลามตัด
ด้านพละกำลังรถยนต์จะติดตั้งเทคโนโลยี Hybrid Plus ใหม่ ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์แรกของ SAIC ที่มีเทคโนโลยี Hybrid โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์จะติดตั้งระบบไฮบริดไฟฟ้าเบนซินซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า
ในปี 2023 ข้อมูลการส่งออกรถยนต์ของจีนแซงหน้าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก MG4 EV ได้เปิดตัวกว่า 80 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก และยอดขายในต่างประเทศสูงถึง 140,000 คันในปี 2566
ภายในปี 2568 SAIC Group จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะใหม่ 14 รุ่นทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และครอบคลุมกลุ่มตลาดหลัก
ในเดือนมกราคม 2567 ยอดค้าปลีกทั้งหมดของ SAIC Group สูงถึง 450,000 คัน และยอดขายในต่างประเทศสูงถึง 80,000 คัน คิดเป็นประมาณ 20% ยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อพิจารณาทั้งปี 2566 ยอดขายแบรนด์เอ็มจีทั่วโลกจะแตะ 840,000 คัน
ยุโรปกลายเป็นตลาดภูมิภาคต่างประเทศแห่งแรกของ SAIC ด้วยจำนวน 300,000 คัน ยอดขายแบรนด์เอ็มจีในสหราชอาณาจักรมีเกือบ 100,000 คัน ส่วนยอดขายในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และตะวันออกกลางมียอดเกิน 7 ที่ 10,000 คัน
ซีรีส์ ZS ซึ่งเป็นรุ่นหลักติดอันดับที่ 1 และ 4 ในตลาดออสเตรเลียและตะวันออกกลาง ตามลำดับ ตลาดเม็กซิโกมียอดเกือบ 100,000 คันเมื่อเทียบเป็นรายปี เพิ่มขึ้น 34% ยอดขายทั่วโลกของ MG ในปี 2566 อยู่ที่ 840,000 คัน โดยปี 2567 ถือเป็นการครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ MG เป้าหมายยอดขายทั่วโลกของ MG จะท้าทายยอดขาย 1 ล้านคัน และเฉลิมฉลองวันเกิดของ MG ด้วยจำนวน 1 ล้านคัน
ที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ แบรนด์ IM Zhiji บนเวทีเดียวกันก็จะมีการเปิดตัวในต่างประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงถึงขั้นตอนการผลิตที่สูงขึ้นทั้งหมดของ SAIC และใช้ข้อได้เปรียบจากร้านค้าของเอ็มจีมากกว่า 2,000 แห่งทั่วโลกเพื่อช่วย ส่งเสริมแบรนด์ Zhiji ในตลาดต่างประเทศ เป็นที่น่าสังเกตว่าตอนนี้ MG ใช้ CarPlay ในการนำทางมากขึ้นและในปีนี้รถยนต์ใหม่จะติดตั้ง Google Navigation, YouTube และอื่น ๆ ในเวลาเดียวกัน แพลตฟอร์ม E3 ใหม่ก็จะเปิดตัวสู่ตลาดด้วย และรถ SUV คันแรกจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่เหมาะกับตลาดยุโรปก็จะได้มาจากผลิตภัณฑ์นี้ด้วย นอกจากนี้ MG7 จะเข้าสู่ตลาดยุโรปกลางในเดือนเมษายนปีนี้ จากนั้นจะเข้าสู่ออสเตรเลีย ยุโรป และตลาดอื่นๆ
CR : AUTOHOME
