More

    วิธีเลือกซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ผู้ขับขี่ควรรู้

    สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า ในช่วงนี้ทางค่ายรถยนต์ก็ยังคงมีโปรโมชั่นในการแถมเครื่องชาร์จที่ติดตั้งไว้ที่บ้าน แต่ก็มีบางค่ายที่ไม่ได้จัดโปรโมชั่นแบบนี้ให้กับลูกค้า หรือสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพิ่มอีกสักเครื่องเพื่อติดตั้งไว้ที่สถานที่ส่วนตัวที่ต้องเดินทางไปบ่อยๆ การเลือกซื้อเครื่องชาร์จจะต้องเลือกอย่างไร หรือพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง Car2day พาไปหาคำตอบ

    เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

    เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่เหมาะกับการติดตั้งไว้ที่บ้าน หรือสถานที่ส่วนตัว จะเป็นเครื่องชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสสลับ (AC) ที่มีขนาดเพียง 220 โวลต์ ซึ่งจะใช้เวลาในการชาร์จที่นานกว่าการชาร์จจากไฟฟ้ากระแสตรง (DC) โดยอาจจะใช้เวลามากกว่า 8 – 12 ชั่วโมง ตามความจุแบตเตอรี่รถยนต์ ดังนั้น การที่มีอุปกรณ์เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามาช่วยเสริม เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้มากกว่า 250 – 480 โวลต์ ก็จะช่วยลดเวลาในการชาร์จได้เร็วขึ้น อาจจะเหลือสัก 4 – 7 ชั่วโมง ในการชาร์จให้เต็ม 100% เปรียบเสมือนหม้อแปลงพ่วงเพื่อจ่ายไฟฟ้าได้มากขึ้น และมีขนาดที่เล็กพอติดตั้งภายในบ้านได้ ซึ่งจะเรียกว่า Wall Box หรือ EV Charger

    ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ต้องดูอะไรบ้าง

    สิ่งที่เจ้าของรถต้องรู้ก่อนคือ ระบบไฟภายในบ้านรองรับสำหรับการใช้เครื่องชาร์จไฟไหม ? โดยต้องติดต่อหน่วยงานการไฟฟ้าเพื่อให้เข้ามาประเมินและปรับปรุงระบบไฟก่อน ไม่สามารถติดตั้งใช้งานได้ด้วยตัวเอง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญ หรือช่างเทคนิคมาติดตั้งให้

    สำหรับการตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า ที่ต้องมีไม่น้อยกว่า 30A เนื่องจากจะใช้กระแสไฟฟ้าขณะชาร์จ 8A ถึง 16A ต่อเนื่องจนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม พร้อมตรวจสอบสายไฟฟ้า (สายเมน) และ Main Circuit Breaker (MCB) ในตู้ควบคุมไฟฟ้าให้สอดคล้องกัน เพื่อรองรับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้เพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) เพราะต้องมีช่องว่างเหลือสำหรับติดตั้ง Main Circuit Breaker ที่ใช้ควบคุมวงจรชาร์จรถไฟฟ้าอีก 1 ช่อง ถ้ามีไม่พอต้องเพิ่มตู้ย่อย และที่สำคัญ ต้องเปลี่ยนเต้ารับไฟในบ้านแบบใหม่ เป็นเต้ารับเฉพาะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถใช้เต้ารับแบบธรรมดาได้ เพื่อลดเสี่ยงต่อการแย่งไฟฟ้าภายในบ้าน และความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงจุดติดตั้งเครื่อง EV Charger ควรอยู่ในรัศมี 5 – 7 เมตร จากจุดจอดรถ ใกล้กับตู้เมนไฟฟ้าในบ้าน และมีหลังคาบังแดดและฝน

    เลือกเครื่องชาร์จไฟแบบไหนดี?

    ก่อนที่จะเลือกซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อย่างแรกคือต้องรู้ก่อนว่ารถของเรานั้นมีหัวชาร์จ ประเภทไหน โดยหัวชาร์จที่นิยมใช้ทั่วไปจะมีอยู่ 2 แบบ คือ

    Type 1 หัวชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) แบบ 5 Pin ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้าแบบ 1 เฟส (Phase) 32 แอมป์ 250 โวลต์ ส่วนมากจะอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เช่น Nissan Leaf และ Tesla

    Type 2 เป็นหัวชาร์จไฟกระแสสลับ (AC) แบบ 7 Pin ใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้าแบบ 1 เฟส (Phase) 70 แอมป์ 250 โวลต์  และแบบ 3 เฟส (Phase) 63 แอมป์ 480 โวลต์ รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นรถจากประเทศจีนทั้ง GWM และของทาง MG รวมถึงรถจากเกาหลีใต้อย่างทาง Hyundai และรถที่มาจากทางยุโรป เช่น Mercedes-Benz, BMW, MINI, Volvo และ Porsche เป็นต้น

    นอกจากนั้นต้องตรวจสอบขนาด On Board Charger หรือขนาดกำลังของอุปกรณ์ชาร์จไฟที่ติดตั้งอยู่ภายในรถ ของคุณให้ตรงกันกับ EV Charger ซึ่งจะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จ โดยทั่วไปมีตั้งแต่ 3.6 – 22 kW โดยจะต้องเลือกซื้อให้ตรงกับขนาด On Board Charger ของรถ เพราะถ้าซื้อเครื่องที่มีขนาดกำลังชาร์จไฟที่ใหญ่กว่าเพื่อต้องการให้ใช้เวลาชาร์จเร็วขึ้นนั้น ถือว่าผิดเพราะจะไม่เกิดผลอะไร เวลาที่ชาร์จไฟก็จะไม่เร็วขึ้น รวมถึงประจุไฟก็ยังเท่าเดิม แถมจะเสียเงินมากขึ้นเพราะเครื่องที่มีขนาดใหญ่จะมีราคาที่แพงตามขนาดของกำลังชาร์จ และที่สำคัญควรเลือกเครื่องชาร์จที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม

    อ่านเพิ่มเติม

    4 วิธีเลือกหัวชาร์จ EV Charger ให้เหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณ
    ทำความเข้าใจ ข้อแตกต่าง วิธีการชาร์จ AC กับ DC

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts