More

    เปิดขายออสซี่ล้านห้า Honda Accord e:HEV เก๋งไฮบริด เจน 11

    สมการรอรคอยสำหรับแฟนๆชาวออสเตรเลียเมื่อ Honda Accord e:HEV เจเนอเรชันที่ 11 เปิดตัวและเปิดราคาอย่างเป็นทางการ

    Honda

    Honda Accord e:HEV  ขายรุ่นเดียวคือรุ่น RS หน้าตาไม่ต่างจากเวอร์ชันไทยมากนักเริ่มที่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมไส้ในรังผึ้งโดดเด่นด้วยแพตเทิร์นมีมิติสีดำติดตรา RS กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติสีดำแบบสปอร์ต กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง  ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีดำแบบแมตต์พร้อมยางขนาด 235/45R18 ไฟส่องมือจับเปิดประตูด้านนอก ช่องระบายอากาศด้านข้างสีเงิน เสริมความ Contrast และพรีเมียมขึ้น

    เสาอากาศครีบฉลามสีดำแบบสปอร์ต สปอยเลอร์หลังสีดำแบบสปอร์ต และไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED แนวยาว พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED  ชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ไฟท้าย LED และระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card

    มิติตัวรถใหญ่ขึ้นทุกมิติตั้งแต่ความยาว 4,962 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,862  มิลลิเมตร ความสูง 1,449 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,827 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,606 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 48.5 ลิตร

    Hondaภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ออกแบบเพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดี โดยเน้นการส่งมอบคุณภาพระดับพรีเมียมแต่งแฝงด้วยความสปอร์ตกับเบาะหนังตกแต่งด้วยด้ายสีแดง โดยด้านคนขับและคนนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทางและระบบความจำตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่เลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถพร้อมปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า

    ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลังพื้นที่สัมภาระท้ายมากถึง 473 ลิตร แถมยังขยายพื้นที่วางในส่วนผู้โดยสารด้านหลังมากถึง 1,036 มิลลิเมตร มากกว่า Accord เจนที่แล้วถึง 10 มิลลิเมตร

    Honda

    ชุดตกแต่งภายในสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ และสีดำ Piano Black ดีไซน์แผงคอนโซลหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ Honda ตกแต่งด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำเดินด้ายสีแดงผิวสัมผัสหุ้มหนัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน

    เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ช่องแอร์ด้านหลัง พร้อมระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster ปุ่ม Push Start เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สาย และช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง ไฟส่องสว่างภายในแบบ LED Map Lights ไฟสร้างบรรยากาศภายในแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ครั้งแรกใน Accord โดยสามารถเลือกโหมดการเปลี่ยนสีของไฟได้ ดังนี้ โหมด Recommended Color จะสามารถปรับเปลี่ยนสีได้โดยอัตโนมัติตามชุดสีที่เลือกขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และโหมด Theme Color ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับไฟสีที่ต้องการได้โดยมีสีให้เลือก 10 เฉดสี

    ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เป็นรุ่นแรกของค่ายที่ติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมามีระบบ Google built-in ในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์รองรับ Android Auto Apple CarPlay อัปเดตออนไลน์ over-the-air

    Honda

    ลำโพง BOSE 12 จุด ชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์ Honda Connect มาพร้อมเทคโนโลยี Digital Key เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงานที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

    ครั้งแรกกับปุ่ม Experience Selection Dial สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 ผู้ใช้งาน

    Hondaขุมพลัง Full Hybrid e:HEV ด้วยเบนซิน I-VTEC 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC รหัส LFB1 ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD)ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์

    ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาทีในภาคมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว และแบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้กำลังรวมเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน 207 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) โหมดการขับขี่ถึงสี่โหมดทั้งโหมด ECON, Normal, Sport และ Individual ขับเคลื่อนความเร้าใจทุกการขับขี่

    มีสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า เพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาทีที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น

    Honda

    มั่นใจยิ่งขึ้นในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอื่นๆทั้งที่เมืองไทยไม่มีให้ทั้ง แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ให้คงที่ตามที่ตั้งค่าไว้ ในกรณีรถยนต์คันหน้ามีความเร็วต่ำกว่าที่ตั้ง Traffic Jam Assist (TJA) อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Recognition System (TSR)

    เพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ Motion Management System (MMS) เตือนความเมื่อยล้าในขณะขับขี่ Driver Attention Monitor (DAM) หน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติเมื่อคนขับเผลอหรือหลับ Straight driving steering assist เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RTCA) และเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information System (BSI)

    นอกนั้นเหมือนไทยทั้งเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System (CMBS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning (RDM with LDW) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF) ยังสามารถปรับลักษณะการเร่งความเร็วได้ตามโหมด ACC

    ปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Support System (HBSS) ปรับไฟสูงแแบปรับเองได้ Adaptive Driving Beam (ADB) ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่งรอบคันได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และ ใหม่ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และ เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง

    ควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)  ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง Multi-view Camera System (MVCS) เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด ตรวจวัดลมยาง Tyre Pressure Monitoring System (TPMS) และไม่มีกล้องส่องผี Honda Lane Watch

    HondaHonda นำเข้าเจนที่ 11 มาจากประเทศไทย พร้อมสีภายนอกทั้งหมดสี่สีได้แก่ สีขาวแพลทินัม Platinum White (มุก) สีเงินลูนาร์ Lunar Silver (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ Meteoroid Grey (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล Crystal Black (มุก) ในราคารวมค่า drive-away ของออสเตรเลีย $64,900 หรือราว 1,569,000 บาท

    ที่มา Carsales

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts