นับเป็นรถแรงรุ่นที่ 2 จาก Hyundai N ที่เปิดในไทยอย่างเป็นทางการต่อจาก Hyundai Elantra N กับ IONIQ 5 N อีวีสายโหดขัเบเคลื่อน 4 ล้อ
IONIQ 5 N นับเป็นรุ่นแรกในตระกูล N ที่ทำตลาดรถอีวีล้วนนำพื้นฐานของ IONIQ 5 สาดความแรงเพิ่มความโหดแต่ยังคงรักษ์โลกด้วยพลังอีวีเริ่มที่ภายนอกใส่ชุดแต่งรอบคันลิ้นสปอยเลอร์หน้า-หลังแบบมีครีบรีดอากาศสุดเท่ มีสปอยเลอร์หลังไซซ์ใหญ่กว่าเดิม
ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาลายทูโทนขนาด 21 นิ้วพร้อมยางสปอร์ตแก้มเตี้ย Pirelli P Zero ขนาด 275/35R21 มอบให้จากโรงงาน พร้อมเอกลักษณ์แบบ Parametric Pixels Design ด้านหน้ารถออกแบบเป็นรูปตัว V กระจังหน้าทรงปิดทึบ ฝากระโปรงหน้าแบบ Clamshell Bonnet
มือเปิดประตูด้านข้างแบบซ่อนเก็บได้ในตัวปลุกตำนานอันโด่งดังให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในวันนี้ด้วยไฟหน้า LED คู่รูปตัว U พร้อมโลโก้ Hyundai บนฝากระโปรงที่เปิดประตูซ่อนรูป ด้านท้ายแพรวพราวด้วยไฟท้าย LED กับ ตรา IONIQ 5
ตัวรถเพิ่มมิติพอสมควรเพราะมีการติดตั้งชุดแต่งรอบคันไว้ทำให้ตัวรถยาวกว่าเดิม 80 มิลลิเมตร ปรับตัวรถเตี้ยลงกว่าเดิม 20 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร จากพื้นฐานแพลตฟอร์ม Hyundai E-GMP
- ความยาว 4,715 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,940 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,585 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร
พิเศษกว่าเดิมด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านออกแบบเฉพาะพร้อมโลโก้ N ปุ่มการทำงานฟังก์ชันต่างในรถออกแบบใหม่เน้นโทนความแรงของตระกูล N เพิ่มที่พักแขนบริเวณคอนโซลกลางพร้อมเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตโอบกระชับเร้าใจในทุกความแรง
พร้อมออปชันเดิมจาก IONIQ 5 แบบ 5 ที่นั่งด้วยพื้นที่บรรทุกของท้ายมากถึง 527 ลิตร และพับเบาะมีพื้นที่ขนของมากถึง 1,587 ลิตร ประดับด้วยไฟแบบ ambient lighting กระจายรอบทิศทาง พร้อมด้วยลำโพงที่ติดตั้งตรงที่พักแขน คอนโซลตรงกลางมีที่ชาร์จ USB และช่องเสียบปลั๊กไฟ ซึ่งสามารถเสียบปลั๊กต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้ได้เลย ชุดเครื่องหนังใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งวัสดุจากการรีไซเคิลด้วย มาตรวัดดิจิทัล Integrated display ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงข้อมูลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้วอยู่ในชุดเดียวกับมาตรวัด
แรงสะใจกับพลังอีวีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 226 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 383 แรงม้า โดยให้กำลังรวม 609 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร และเพิ่มพลังโหดเข้าไปถึง 650 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร ถ้าเปิดใช้โหมด N Grin Boost วิ่งไกลสุด 448 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP)
ส่งผลให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.4 วินาที ก่อนทะยานไปสู่ความเร็วสูงสุด 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมความจุแบตเตอรี่ 84 kWh ด้วยกำลังการชาร์จมากสุด 350 kW สามารถชาร์จเร็ว DC จาก 10-80% ในเวลา 18 นาที
ความพิเศษของเอสยูวีทรงโหดคันนี้ออกแบบใหม่เพื่อรองรับการเดินทางที่รวดเร็วรวบรัดทั้งเพิ่มจุดเชื่อมรอบคันที่โครงสร้างกว่า 42 จุด และเสริมด้วยกาวเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความแข็งแรง มีระบบ N Pedal ควบคุมรถขณะเลี้ยวเพิ่มความไวของคันเร่งอันเดียวซึ่งจะทำงานคล้ายกับ One Pedal ระบบกระจายแรงบิด N Torque Distribution กระจายแรงบิดลงไปในล้อทั้งสี่แบบแปรผันที่ปรับได้ 11 ระดับ
ปลุกอารมณ์ซิ่งขับขี่แบบรถขับหลังกับฟังก์ชัน N Drift Optimizer พร้อมฟังก์ชัน Torque Kick Drift ดิสก์เบรกสี่ล้อที่หน้าดิสก์ขนาดใหญ่ 400 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ และดิสก์หลังขนาด 360 มิลลิเมตร สร้างเสียงสังเคราะห์คล้ายกับเครื่องสันดาปเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด ด้วยฟังก์ชัน N e-shift พร้อมเสียงจุดระเบิดคล้ายกับเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร และโหมด เสียง Evolution กับโหมดเสียง Supersonic เหมือนเสียงเครื่องบินรบกับฟังก์ชัน N Active Sound+ ติดตั้งลำโพง 8 จุดในตัวรถและนอกรถอีก 2 จุด
ความปลอดภัยมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai SmartSense ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบแปรผันความเร็วอัตโนมัติ Stop & Go Smart Cruise Control with Stop & Go Function (SCC w/ S&G)
- ช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Avoidance Assist (FCA)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Following Assist (LFA)
- ป้องกันการออกจากรถ ขณะมีรถแล่นจากด้านข้าง Safe Exit Assist (SEA)
- เตือนและควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Collision-Avoidance Assist (BCA)
- ช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist (RCCA)
- แสดงภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ Surround View Monitor (SVM)
โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สร้างรูปลักษณ์ที่เพรียวบางผสานความล้ำสมัยเข้ากับความคลาสสิกอย่างลงตัวและความโหดเกินพิกัดในราคา 3,790,000 บาท