เรียกได้ว่าองค์กรสั่นคลอนไม่หยุดสำหรับทีมแข่ง McLaren ในศึก Formula 1 เพราะไม่เพียงแต่พวกเขาจะเริ่มต้นฤดูกาล 2023 ได้อย่างย่ำแย่สุดกู่แล้ว ล่าสุด ทางทีมได้ทำการปรับเปลี่ยนผังองค์กรภายในใหม่ โดยให้ James Key ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคทันที
เปิดการแข่งขันมา 2 สนามแรก McLaren มีฟอร์มที่ย่ำแย่กว่าปีที่แล้วเสียอีก โดยพวกเขายังไม่สามารถเก็บแต้มได้เลย และจมอยู่ในอันดับท้ายตาราง ทำให้ทางทีมต้องคิดหาทางออกจากวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งพวกเขาตั้งใจที่จะปรับผังองค์กรใหม่ให้มีผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคถึง 3 คน คอยดูแลครอบคลุมกิจกรรมทางเทคนิคของ F1 ทั้งหมด
Key ผู้ซึ่งอยู่กับ McLaren มาตั้งแต่ต้นปี 2019 แยกทางกับต้นสังกัดโดยให้มีผลทันที และทางทีมรับ David Sanchez จาก Ferrari มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคทางด้านคอนเซปต์และประสิทธิภาพรถ ซึ่ง Sanchez กำลังอยู่ในระหว่างพักงานก่อนย้ายงาน และจะไม่สามารถทำหน้าที่ให้กับ McLaren ได้ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2024
Sanchez จะทำงานร่วมกับ Peter Prodromou ซึ่งได้รับหน้าที่ใหม่ให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคทางด้านอากาศพลศาสตร์ และ Neil Houldey ซึ่งได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคทางด้านวิศวกรรมและการออกแบบ โดยทั้ง 3 คนนั้นจะรายงานขึ้นตรงต่อ Andrea Stella ทีมบอส
นอกจากนี้ McLaren ยังได้มีการปรับผังองค์กรในจุดอื่น ๆ ตั้งแต่ด้านล่างขึ้นมา โดย Giuseppe Pesce ได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายอากาศพลศาสตร์และหัวหน้าทีมงาน ซึ่งเขาจะทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานในแผนกอากาศพลศาสตร์ และรายงานขึ้นตรงต่อ Prodromou
ทางด้าน Piers Thynne ได้ขยายส่วนงานไปครอบคลุมหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งเขาจะทำงานสนับสนุน Stella เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานของทีมแข่งขึ้นไป
สำหรับ Stella เข้ามารับตำแหน่งทีมบอสในช่วงฤดูหนาว หลังจากที่ Andreas Seidl ลาออกไปเป็น CEO ให้กับ Sauber โดยเจ้าตัวได้มองเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนผังองค์กรทางเทคนิค ก่อนที่โครงสร้างใหม่ภายในโรงงานอย่างอุโมงค์ลมและซิมูเลเตอร์จะเปิดใช้งานในปลายปีนี้
“ตั้งแต่รับตำแหน่งทีมบอส ผมก็ได้รับมอบอำนาจให้ใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้แน่ใจว่าทีมได้ตั้งอยู่บนรากฐานระยะยาว” Stella กล่าว
“โครงสร้างใหม่นี้ให้ความชัดเจนและประสิทธิภาพภายในแผนกเทคนิคของทีม และทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งขึ้นในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานที่เราได้อัปเกรดซึ่งจะมาในปลายปี 2023”
อ้างอิง : motorsport.com
