และก็มาถึงรุ่นยอดนิยมของ Nissan Navara MY2024 กับทางเลือดกใหม่ของสาวกหัวใจพร้อมลุยกับ Nissan Navara Black Edition
Nissan Navara Black Edition MY2024 มาในร่างเดิมรหัส D23 มาครบทุกตัวถังทัังแบบ Double Cab 4 ประตู และตอนครึ่ง King Cab นำพื้นฐานของรุ่น CALIBRE E มาแต่งหล่อ
ภายนอก Exterior
เพิ่มความเท่ด้วยสติ๊กเกอร์ Black Edition กระจังหน้าแบบ Interlock สีดำ กระจกมองข้างสีดำปรับพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว เพิ่มลุคสปอร์ตที่แกร่งเข้มไฟหน้าแบบ Quad-Eye LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light รูปตัว C กันชนหน้าทรงสปร์ตเสริม บันไดข้างสีดำ เสาอากาศครีบฉลาม ไฟท้าย LED light guide แบบเส้นเดียว กันชนหลังเพิ่มสเต็ปด้านท้ายรถสะดวกสบายในการใช้งานขึ้นลงและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำพร้อมยาง 255/60 R18 ตัวรถใหญ่โตตามตัวตั้งแต่
- ความยาว 5,260 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,850 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,830 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,150 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,893 (เพิ่มจากเดิม 8 กิโลกรัม) กับ 1,988 กิโลกรัม (เพิ่มจากเดิม 16 กิโลกรัม)
- ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
- มิติกระบะท้ายเริ่มที่ความยาว 1,470 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,495 มิลลิเมตร ความสูง 520 มิลลิเมตร
ภายใน Interior
แน่นอนว่าใช้ชุดแผงคอนโซลหน้าใหม่หมดจาก Nissan Terra ตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน มาตรวัดเรืองแสง TFT 7 นิ้ว จอสัมผัสขนาด 8 นิ้วจอใหญ่ พร้อม Nissan Connect สร้างความบันเทิง รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wireless Apple CarPlay และ Android Auto จุดช่องชาร์จ USB มี USB-A 2 จุด และ USB-C 2 จุด รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ พร้อมลำโพง 4 จุดในรุ่น King Cab และ 6 จุดในรุ่น Double Cab
เบรกมือคันโยก เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์ด้านหลัง กุญแจรีโมทอัจฉริยะพรัอมปุ่ม Push Start กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ความเงียบเมื่ออยู่ในห้องโดยสารด้วยกระจกหน้าและข้างตอนหน้าเป็นแบบเก็บเสียงหรือ Acoustic glass
เบานั่งหุ้มผ้าสีดำเดินด้ายสีเทาโดยเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อขับทางไกลโดยฝั่งคนขับปรับระดับ 6 ทิศทางและคนนั่ง 4 ทิศทาง เบาะนั่งหลังรุ่น Double Cab มีที่พักแขนตรงกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่งและหมอนรองศีรษะตรงกลาง ชุดคอนโซลหน้าแผงประตู และพวงมาลัยตกแต่งหนังสัมผัสดำเดินด้ายเทา
ขุมพลัง Performance
เครื่องยนต์ดีเซลพัฒนาใหม่ขนาด 2.3 ลิตรเทอร์โบคู่รหัส YS23DDTT ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,750 รอบนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที พัฒนาใหม่เพื่อรองรับมาตรฐานไอเสียหรือ EURO 5 ที่มีการปล่อยไอเสียต่ำแต่ยังคงให้การตอบนองทันใจ ประหยัดน้ำมัน ด้วยฟิลเตอร์ Diesel Particulate Filter (DPF) ช่วยกรองละอองเขม่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อไฟ DPF โชว์ที่หน้าจอ ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มให้ฟิลเตอร์ DPF ทำงาน เพื่อลดปริมาณเขม่าควันลง
จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดพร้อม Manual Mode พร้อมลุยบรรทุกหนักได้อย่างน่าประทับใจด้วยโครงสร้างแชสซีทำจากเหล็กกล้า มีพื้นที่บรรทุกของได้อย่างจุใจ ให้ประโยชน์การใช้งาน และความสะดวกเต็มพิกัด เช่น บันไดที่กันชนหลังซึ่งช่วยให้เข้าออก และขนของที่กระบะได้สะดวก รวมถึงการปรับตำแหน่งตะขอยึดใหม่ เพื่อตอบโจทย์การบรรทุกสัมภาระทั้งขนาดใหญ่และเล็ก
ความปลอดภัย Safety
ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ 360 Safety Shield ช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงด้วย กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor-IAVM) ทำงานคู่กับเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection-MOD
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทุกรุ่นทั้งควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Vehicle Dynamic Control-VDC) ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist-HSA) ควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSA) ควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Traction Control-TCS)
ล็อกความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) สัญญาณกะระยะการจอดด้านหลัง จุดยึดที่นั่งเด็กสำหรับเบาะหลัง ISOFIX ในรุ่น Double Cab ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และตัดวาล์วน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ ในกรณีรถพลิกคว่ำเมื่อเกิดการชนด้านหน้า
Nissan Navara Black Edition MY2024 ครบทุกความต้องการ มาพร้อม 7 สีภายนอกดังนี้ *สีเทา สเตลท์ เกรย์ *สีแดงเบิร์นนิ่ง เรด สีดำ แบล็ค สตาร์ สีขาว ไวท์ เพิร์ล **สีทองแดง ฟอร์จ คอปเปอร์ **สีเทา ทไวไลท เกรย์ **สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ ในราคาใหม่ดังนี้
- รุ่น Double Cab CALIBRE E Black Edition 7AT 944,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น King Cab CALIBRE E Black Edition 7AT 859,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
นอกจากนี้ยังมี Nissan Navara MY2024 CALIBRE E ทั้ง King Cab และ Double Cab ใหม่!! เสาอากาศครีบฉลาม ทุกอย่างเหมือนรุ่น Black Edition เพียงแต่ได้กระจังหน้าโครเมียมสไตล์ Interlock มือจับประตูโครเมียม เพิ่มความสปอร์ตด้วยซุ้มล้อสุดเท่และบึกบึน กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถปรับพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/65R17 และออปชันภายในเหมือนรุ่น Black Edition
พร้อมขุมพลังใหม่เทอร์โบเดี่ยว 2.3 ลิตร รหัส YS23DDT กำลังลดลงเหลือ 160 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาทีจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รองรับ EURO 5 พร้อมปุ่ม DPF และเทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร 190 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดในราคาใหม่ดังนี้
- รุ่น Double Cab CALIBRE E 7AT 909,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น Double Cab CALIBRE E 859,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น King Cab CALIBRE E 7AT 825,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- รุ่น King Cab CALIBRE E 775,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
*เฉพาะรุ่น Black Edition
** ยกเว้นรุ่น Black Edition
