Benda Dark Flag 500 มอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์รุ่นใหม่ มาพร้อมขุมพลัง V4 และระบบกันสะเทือนแบบถุงลมควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
Benda Motorcycle เปิดตัว Flag 500 เวอร์ชั่นปี 2024 ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดและหรูหรา และที่สำคัญมอเตอร์ไซค์คันนี้ใช้เครื่องยนต์ V-twin สี่สูบ และมาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์มอบความสะดวกสบายในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในแง่ของการออกแบบ 2024 Dark Flag 500 นั้นดูมีระดับมากด้วยคุณลักษณะของรถมอเตอร์ครุยเซอร์ที่แท้จริง มอเตอร์ไซค์คันนี้จะมาพร้อมกับไฟหน้า LED ทรงกลม พร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว LED ซึ่งเป็นทรงกลมเช่นกัน และมีถังน้ำเป็นทรงหยดน้ำมาเติมเต็มสไตล์ครุยเซอร์มากขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจมาก คือ การใช้เครื่องยนต์ V4 ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่ผลิตในจีนที่มีการใช้เครื่องยนต์ V4 ขนาด 496 ซีซี. DOHC 4 วาล์วต่อสูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยของเหลว มีกำลังสูงสุด 40 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดถึง 42 นิวตันเมตร ซึ่งทำได้ที่ 7,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมด้วยระบบ Slipper Clutch
Dark Flag ใช้โครงเหล็กแบบ Cradle ผสมผสานกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบเทเลสโคปิกไฮดรอลิก และระบบกันสะเทือนหลังที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ คือ ระบบกันสะเทือนแบบ Air Benda เป็นโช้คอัพแบบถุงลมควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมการปรับความสูง และรักษาระยะห่างจากพื้น ส่วนระบบเบรกเป็น ดิสก์เบรกหน้าขนาด 320 มม. พร้อมคาลิเปอร์เรเดียล 4 ลูกสูบ และด้านหลังดิสก์เบรกขนาด 260 มม. คาลิเปอร์แบบ 2 ลูกสูบ ส่วนวงล้อหน้า / หลัง มีขนาด 16 นิ้ว สวมด้วยยางหน้าขนาด 130/90R16 ยางหลัง 150/80R16 แบบไม่มียางในทั้งหน้าและหลัง มีด้วยความจุถังน้ำมัน 16 ลิตร และมีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 241 กก.
ส่วนคุณสมบัติฟีเจอร์ใช้งานเรียกได้ว่ามาครบทุกฟังก์ชั่นใช้งานไม่ว่าจะเป็น ระบบ TCS ควบคุมการยึดเกาะถนน ระบบ ABS แบบ Dual Channel ( ระบบ TCS + ABS เลือก เปิด / ปิด ได้ ) ระบบคันเร่งไฟฟ้า และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับ ระบบไฟ LED รอบคัน และหน้าจอเรือนไมล์ทรงกลมลูกผสมแบบดิจิตอล และอะนาล็อก บอกมาตรวัดความเร็วแบบเข็มอะนาล็อก และ บอกข้อมูลสำคัญของตัว แบบดิจิตอล
Benda Motorcycle เปิดตัว Dark Flag 500 ด้วยสองทางเลือก คือ รุ่น 500 Ulatra และ รุ่น 500 Pro โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 33,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 172,900 บาท เห็นจากราคาแล้วบอกเลยว่า เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากๆ หากถามว่าจะเข้าไทย หรือไม่นั้นก็คงต้องรอลุ้นต่อไปว่า Keeway Thailand จะนำรุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายเมื่อไหร่ !
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook :Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day
