เปิดทางเลือกใหม่สำหรับสิงห์กระบะชาวไทยที่อยากได้รถที่คุ้มค่าคุ้มราคากับ RIDDARA ECON เพื่อกลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจในร่าง 4 ประตู
RIDDARA ECON ถูกวางหมากให้เป็นปิกอัพเน้นงานบรรทุกงานเชิงพาณิชย์ นำพื้นฐาน RIDDARA RD6 มาตกแต่งเน้นเรียบง่ายไม่หรูหรามาก
ภายนอกหล่อเรียบ
ตั้งแต่โลโก้ RIDDARA บนขอบฝากระโปรงแบบหนาพร้อมไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียว กระจังหน้าแนวนอนลายรังผึ้งโครเมียมสีดำ กันชนหน้าแบบมีช่องระบายอากาศใหญ่ถึงสามช่อง
ด้านข้างอย่างหล่อด้วยคิ้วขอบล้อขนาดใหญ่แบบขึ้นรูปในชุดบังโคลนหน้าเรียบเนียบดุดัน พร้อมการดีไซน์ประตูข้างคล้ายๆกับรถเอสยูวีของค่ายในเครือ GEELY กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยวปรับด้วยระบบไฟฟ้า
ในรุ่น 73.9 kWh 4WD เพิ่มราวหลังคากับกระจกมองข้างปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า กระบะท้ายที่ออกแบบมาเรียบเนียนไร้รอยต่อกลายเป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งของกระบะสไตล์เก๋งพร้อมไฟท้าย LED แยก 2 ส่วน พร้อมทับทิมครอบฝาท้ายติดตรา RIDDARA สีดำ
ท้ายภายในกระบะมีช่องเสียบปลั๊กแบบ 10A 2 พอร์ต 16A 2 พอร์ต และ Power Outlet 12V 120W 2 พอร์ต และรองรับฟังก์ชัน V2L ที่มีกำลังไฟ 2,000W (เฉพาะรุ่น 73.9 kWh 2WD และ 4WD) โดยวัสดุของกระบะท้ายทำมาจากวัสดุคอมโพสิตที่มีความแข็งแรงสูงจาก STC (super toughness concrete)
ล้อมาในแบบกระทะล้อพร้อมฝาครอบล้อขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65R17 ในรุ่น 63 kWh 2WD และขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60R18 ในรุ่น 73.9 kWh 2WD และ 4WD คันนี้สร้างจากพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture (SEA) ใหญ่โตตามตัวรถโดยเป็นกระบะไร้กระดูกหรือ Unibody ทางด้านมิติตัวรถเริ่มที่
- ความยาว 5,260 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,880 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,120 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,005-3,120 กิโลกรัม
- ช่องเก็บของด้านหน้ารถ 70 ลิตร
- พื้นที่กระบะภายใน ความยาวxความกว้างxความสูง (มิลลิเมตร) 1,525 × 1,450 × 540
ภายในต่างจากรุ่น RD6 อย่างสิ้นเชิง
ต่างในเรื่องการตกแต่งการจัดวางฟังก์ชันด้วยคอนโซลหน้าตกแต่งหุ้มหนังสัมผัสระบบมาตรวัดความเร็วดิจิทัล Full LCD ขนาด 8.8 นิ้วในรุ่น 63 kWh 2WD กับขนาด 10.2 นิ้ว ในรุ่น 73.9 kWh 2WD และ 4WD จอสัมผัส Infotainment ขนาด 8 นิ้วในรุ่น 63 kWh 2WD กับ 14.6 นิ้ว ในรุ่น 73.9 kWh 2WD และ 4WD
รองรับการสื่อสารแบบสั่งงานด้วยเสียงทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านระบบ Carbit link พร้อมลำโพง 4 จุด ในรุ่น 63 kWh 2WD 6 จุดในรุ่น 73.9 kWh 2WD และ 8 จุด ในรุ่น 73.9 kWh 4WD พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัดหุ้มหนังจับกระชับมือ
ความสบายแบบ 5 ที่นั่งเบาะนั่งปรับปรับได้ 6 ทิศทางและเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 เพิ่มการบรรทุกของมากขึ้นมีช่องเก็บของใต้เบาะหลังขนาด 48 ลิตร มีที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลังชาร์จ 50 W พร้อมระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone มีช่องแอร์ด้านหลัง
ขุมพลังไฟฟ้ามี 3 ทางเลือก
เริ่มที่รุ่น 63 kWh 2WD พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิด 309 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.1 วินาที วิ่งไกลสุด 369 กิโลเมตร (NEDC) ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% กำลัง 90kW ภายใน 32 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 6.6 kW 20-100% ภายใน 7.8 ชั่วโมง โดยมีความสามารถในการลากจูง 2,500 กิโลกรัม จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP 63 kWh
ขยับมาที่รุ่น 73.9 kWh 2WD กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 271 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.3 วินาที วิ่งไกลสุด 461 กิโลเมตร (NEDC) ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% กำลัง 110 kW ภายใน 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 6.6 kW 20-100% ภายใน 9.3 ชั่วโมง มีความสามารถในการลากจูง 2,500 กิโลกรัม จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แบบ LFP 73.9 kWh
รุ่น 73.9 kWh 4WD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุดรวม 428 แรงม้า แรงบิด 595 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.5 วินาที วิ่งไกลสุด 424 กิโลเมตร (NEDC) ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% กำลัง 110 kW ภายใน 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 6.6 kW 20-100% ภายใน 9.3 ชั่วโมง มีความสามารถในการลากจูง 3,000 กิโลกรัม จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แบบ LFP 73.9 kWh
มาพร้อมมีโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้งEconomy/Comfort/Sport ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเพิ่มมาอีก 4 โหมดทั้ง Sand / Mud / Off-road / Wading มีระบบกู้คืนพลังงาน 3 ระดับ (Regenerative Braking) ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) และหลังอิสระแบบมัลติลิงก์ (Multi-link) พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลระดับรถซีดานชาร์จ V2L สูงสุด 6 kW
ความปลอดภัยอัจฉริยะครบครัน
มีให้เฉพาะรุ่น 73.9 kWh 2WD และ 4WD เท่านั้นทั้ง
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC)
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB)
- เตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ Forward Collision Warning (FCW)
- ช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping Assist (LKA)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน Emergency Lane Keeping Assist (ELKA)
- เตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Lane Departure Warning (LDW)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน Lane Change Warning (LCA)
- เตือนมุมอับสายตาของรถยนต์ Blind Spot Monitoring (BSM)
- เตือนการเปิดประตู Door Opening Warning (DOW)
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Warning (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Brake (RCTB)
- ช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากรถคันอื่นที่เคลื่อนที่ใกล้เข้ามาจากด้านหลัง Rear Collision Warning (RCW)
- เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Front Departure Alert (FDA)
ความปลอดภัยพื้นฐานมาครบทั้งเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake (EPB) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง Auto Hold (AH) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control (HHC) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ควบคุมการทรงตัว ESC (Electric Stability Control)
ในรุ่น 63 kWh 2WD มีถุงลมนิรภัย 2 จุด กล้องมองภาพด้านหลัง และตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) แบบ แจ้งเตือนเมื่อความดันลมยางต่ำ ส่วนรุ่น 73.9 kWh 2WD และ 4WD เพิ่มถุงลมนิรภัยรอบคัน และ กล้องมองภาพรอบคัน 540° พร้อมระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ และตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) แบบ แจ้งเตือนเมื่อความดันลมยางต่ำ แสดงผลแรงดันลมยางแบบ Real Time
RIDDARA ECON รุ่นประหยัดเน้นงานหนักเด่นพลิกโฉมวงการรถกระบะ ประหยัดกว่ากับพลังงานไฟฟ้า มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง ถึงวันที่ 10 ธันวาคม และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จองเพียง 2,000 บาท รับส่วนลดเงินสด 10 เท่า หรือ 20,000 บาท รับ Year End Gift Package มูลค่าสูงสุด 40,000 บาท และดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% รวมไปถึงประกันภัยชั้นหนึ่ง มีให้เลือก 3 สี ทั้งสีขาว สีเทา และสีดำ ให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น 63kWh 2WD 739,000 บาท
- รุ่น 73 kWh 2WD 849,000 บาท
- รุ่น 73 kWh 4WD 999,000 บาท
