ครึ่งหลังของชัยชนะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Sebastian Vettel ในพาร์ทนี้นั้นจะเป็น 5 อันดับแรก ซึ่งต้องเรียกว่า เป็นการผนึกกำลังที่ยากที่จะมีใครเอาลงจริง ๆ ระหว่าง Vettel และ Red Bull จะมีรายการไหนบ้าง? ติดตามอ่านกันต่อได้เลย
- Abu Dhabi GP 2010
ในขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 สนาม ซึ่งมีแต้มให้เก็บเต็มที่ 50 แต้ม ก่อนที่เราจะรู้ตัวแชมป์โลกปี 2010 Vettel ในตอนนั้นมีคะแนนสะสมอยู่ในอันดับ 4 เท่านั้น โดยตามหลัง Fernando Alonso ผู้นำถึง 25 แต้ม แต่ชัยชนะในบราซิลทำให้นักแข่งเยอรมันขยับแต้มเข้าไปเหลือเพียง 15 แต้ม และขยับอันดับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ตามหลัง Alonso และเพื่อนร่วมทีม Mark Webber
ในสนามสุดท้ายที่อาบูดาบี Vettel ชิงตำแหน่งโพลเฉือน Lewis Hamilton มาได้ และสามารถชิงเข้าโค้งแรกเฉือน Hamilton ไปได้ด้วยเช่นกัน นั่นเป็นส่วนสำคัญต่อการตัดสินผลการแข่งขันในสนามนั้นเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อถึงจังหวะการเข้าพิทแรก Vettel นั้นออกมานำ Robert Kubica ซึ่งคั่นกลางระหว่างเขากับ Hamilton ทำให้ชัยชนะในสนามนี้นั้นตกเป็นของ Vettel ค่อนข้างจะแน่นอน
แต่แค่การคว้าชัยชนะนั้นยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นแชมป์โลก คู่แข่งสำคัญอย่าง Webber และ Alonso จำเป็นที่จะต้องทำผลงานได้ไม่ดีด้วยเช่นกัน
Red Bull เรียก Webber เข้าพิทในรอบที่ 11 หลังจากที่รถของเขาแฉลบกำแพงไปเล็กน้อยที่โค้ง 19 และ Ferrari ก็เรียก Alonso เข้าพิทใน 4 รอบถัดมา เพื่อป้องกันการอันเดอร์คัท ในตอนนั้นพวกเขาคาดว่ายางนั้นจะมีการสึกหรอที่รวดเร็ว แต่ปรากฏว่าการสึกหรอนั้นไม่แย่อย่างที่คิด นั่นทำให้กลุ่มผู้นำค่อย ๆ ทำระยะห่างออกไป
ที่แย่ไปกว่านั้น ทั้ง Alonso และ Webber ต่างออกจากพิทแล้วมาติดอยู่หลังกลุ่มขบวนรถที่เข้าพิทไปในช่วงแรกที่มีเซฟตี้คาร์ออกมา Alonso ต้องมาติดอยู่หลัง Vitaly Petrov ในรถ Renault นับตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งจบการแข่งขัน ทำให้นักแข่งสแปนิชทำอันดับได้เพียงอันดับ 7 โดยที่มีนักแข่งออสซีตามหลังเข้าเส้นชัยมา
ผลก็คือ Vettel พลิกทำคะแนนขึ้นมานำ Alonso 4 แต้ม หลังจบการแข่งขัน และนำ Webber ไป 14 แต้ม กลายเป็นแชมป์โลกประจำปี 2010 และนักแข่งเยอรมันได้กลายเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดจนถึงปัจจุบัน
- Spanish GP 2011
มันดูจะเป็นรายการที่ผู้คนจดจำการสตาร์ทอันยอดเยี่ยมของ Alonso มากกว่าจะเป็นชัยชนะของ Vettel นักแข่งสแปนิชนั้นกระโดดจากกริดที่ 4 ขึ้นนำได้ตั้งแต่โค้งแรก โดยมี Vettel ตามมาเป็นอันดับ 2 ในขณะที่ผู้ที่ได้ตำแหน่งโพลอย่าง Webber ร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 3
ในช่วงพิทสต็อปแต่ละครั้ง Red Bull มีการกะจังหวะที่ยอดเยี่ยม นั่นส่งให้ Vettel ขยับอันดับขึ้นมาได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นผู้นำ โดยมี Hamilton ตามขึ้นมาเป็นอันดับ 2 และ Alonso หล่นลงไปเป็นอันดับ 3
ในช่วงท้ายของการแข่งขัน Hamilton นั้นขยับเข้ามาใกล้ Vettel มาก และอยู่ในระยะที่พร้อมจะโจมตี ซ้ำร้ายไปกว่านั้น รถของ Vettel ก็ดันมีปัญหากับระบบ KERS ที่ร้อนจัด ทำให้ไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพจากกำลังไฟได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ด้วยการจัดวางรถของตัวเองอย่างถูกที่ถูกทาง Hamilton นั้นไม่สามารถที่จะหาช่องแซง Vettel ขึ้นไปได้ และต้องจบการแข่งขันไปด้วยชัยชนะของนักแข่งเยอรมันที่เหนือกว่านักแข่งสหราชอาณาจักรฯ เพียง 0.6 วินาที
- Italian GP 2011
“รถที่ (ทางตรง) ช้าที่สุดชนะการแข่งขันในสนามที่เร็วที่สุดได้อย่างไร?” นี่เป็นข้อความที่ Autosport ถึงกับเอาขึ้นพาดหัวข่าวเลยทีเดียว เรารู้กันดีว่าสนามมอนซ่านั้นเป็นสนามที่ใช้ความเร็วสูง ใช้ Downforce ต่ำ ซึ่งนั่นไม่เข้ากับคาแร็คเตอร์รถของ Red Bull เลยแม้แต่น้อย แต่ RB7 ที่ขับโดย Vettel กลับชนะการแข่งขันในวันนั้นได้นี่นะ!
Red Bull มีการวางแผนกับ Vettel มาตั้งแต่ก่อนการแข่งขัน พวกเขารู้ดีว่า ปีที่แล้วพวกเขาทุลักทุเลขนาดไหนกับการแข่งขันที่มอนซ่า ดังนั้นในปีนี้พวกเขาจึงเลือกที่จะเสี่ยงกับอะไรบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางทีมได้ใช้ Downforce ที่สูงกว่าปกติของเซตอัพของสนาม และใช้อัตราทดเกียร์สูงที่สั้นลง นั่นทำให้รถทำเวลาต่อรอบได้เร็วจากการทำความเร็วในโค้ง แต่มีความเสี่ยงที่จะถูกแซงบนทางตรงเนื่องจากความเร็วที่น้อยลง
ก็ต้องเรียกว่า Vettel มีความมั่นใจพอตัวเลยทีเดียว ด้วยเซตอัพนี้ทำให้ท็อปสปีดของรถของเขาช้ากว่าคนอื่น ๆ ถึง 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เขาก็ยังคว้าโพลไปได้เหนือกว่าคู่แข่งที่ตามมาถึงเกือบครึ่งวินาที สิ่งที่เขาต้องทำให้ได้เพื่อการคว้าชัยชนะก็คือ ออกสตาร์ทแล้วชิ่งหนีไปให้ไวตั้งแต่แรก
ในวันแข่งขัน Vettel ต้องพบกับอุปสรรคเล็กน้อย เมื่อ Alonso สตาร์ทแล้วชิงเข้าโค้งแรกไปได้ก่อน จากนั้นก็มีเซฟตี้คาร์ออกมาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่โค้งแรก
ในช่วงรีสตาร์ท Vettel รีบไล่ล่าทวงอันดับคืนตั้งแต่ช่วงที่ยางรถของ Alonso ยังไม่ร้อน นักแข่งเยอรมันแซงนักแข่งสแปนิชจากด้านนอกโค้ง Grande ขึ้นมาแบบทิ้งล้อลงไปเตะหญ้าขึ้นมา ซึ่งเป็นการแซงที่ Motorsport.com กล่าวว่า “แค่ดูก็สะดุ้งแล้ว”
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครสามารถที่จะแตะต้อง Vettel ได้อีก แชมป์โลกอายุน้อยที่สุดขับเข้าเส้นชัยไปเป็นคันแรกแบบชิล ๆ ด้วยเวลาที่ทิ้งห่างจากอันดับ 2 ถึง 9.6 วินาที น่าประทับใจมาก!
- Indian GP 2013
ถึงแม้ว่าส่วนผสมระหว่าง Vettel และ Red Bull จะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ตัวแปรหนึ่งที่มักจะคอยลดความแข็งแกร่งของพวกเขาลงเสมอก็คือ ยาง Pirelli แต่นั่นไม่ใช่กับรายการ Indian GP ในปี 2013 ซึ่ง Vettel ดึงศักยภาพยางซอฟต์ออกมาเต็มที่และคว้าโพลไปด้วยเวลาทิ้งห่างอันดับ 2 0.752 วินาที และยังใช้ยางมีเดียมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจนชนะการแข่งขันแบบคู่แข่งตามหลังเกือบครึ่งนาที
ปัญหาของยางซอฟต์ที่ Vettel เจอก็คือ มันมีประสิทธิภาพที่ใช้ได้เพียงไม่กี่รอบ Vettel ต้องเข้าพิททันทีตั้งแต่จบรอบที่ 2 เพื่อเข้าไปเปลี่ยนเป็นยางมีเดียม และนั่นหมายความว่าเขาต้องออกจากพิทมาติดการจราจรบนแทร็ค
แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถขัดขวางอะไร Vettel ได้ ด้วยความช่วยเหลือจากอัตราทดเกียร์สุดท้ายที่สูงขึ้น และปีกที่เซตอัพให้ Downforce น้อยลง Vettel ไล่แซงกระจุยกระจายขึ้นมาจากอันดับ 17 โดยเพียงแค่ 13 รอบ เขาก็ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 ได้เป็นที่เรียบร้อย
“Vettel ใช้ประโยชน์จาก DRS ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในการแซงผ่านผู้คนในทุก ๆ รอบ” Mark Hughes บรรณาธิการของ Motorsport.com กล่าว “เขากะจังหวะอย่างละเอียดถี่ถ้วนในการไล่ขึ้นมาถึงท้ายรถได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ไม่เข้ามาติดท้ายในช่วงเซ็กเตอร์กลางที่เป็นโค้งเร็วไร้ช่องทางแซง”
ทางด้านเพื่อนร่วมทีมอย่าง Webber ต้องออกจากการแข่งขันด้วยปัญหาไดชาร์จขัดข้อง นั่นทำให้ Vettel ไม่เหลือคู่แข่งใด ๆ ในสนามวันนั้น และถึงแม้ว่าเขาจะต้องปิดระบบ KERS เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจนทำให้เขาต้องรีไทร์ เขาก็ยังสามารถทำความเร็วทิ้งห่างอันดับ 2 ไปถึง 29.8 วินาที เมื่อเข้าเส้นชัย นี่มันปีศาจชัด ๆ!
- Italian GP 2008
ชัยชนะครั้งแรกนั้นมักจะเป็นอะไรที่หอมหวานที่สุดเสมอ และกับการที่สามารถชนะในรถที่ไม่ได้อยู่หัวแถวเลยแม้แต่น้อยนั่นยิ่งเป็นอะไรที่สุดยิ่งกว่า และสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับนักแข่งหนุ่มน้อยอ่อนประสบการณ์อย่าง Sebastian Vettel ในวัย 21 ปี
ในการแข่งขันสุดสัปดาห์นั้นมีฝนกระหน่ำลงมาตั้งแต่ช่วงควอลิฟาย นั่นทำให้ความแตกต่างของศักยภาพของรถนั้นถูกลดทอน และ Vettel ก็ฉวยโอกาสนั้นทำเวลาเร็วที่สุดคว้าตำแหน่งโพลไปอย่างหน้าตาเฉย อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็ยังเชื่อว่า Heikki Kovalainen ในรถ McLaren ที่ควอลิฟายมาเป็นอันดับ 2 น่าจะตึงมือเกินไปสำหรับนักแข่งหนุ่มน้อยคนนี้ พวกเขาคิดผิด!
เมื่อฝนค่อย ๆ หนาเม็ดน้อยลงและเซฟตี้คาร์กลับเข้าพิทไป Vettel ก็ออกตัวและทิ้งระยะออกมายาว ๆ ชนิดที่ว่านักแข่งฟินน์ไม่สามารถที่จะหาคำตอบต่อความเร็วที่นักแข่งเยอรมันนั้นทำออกมาได้ และแค่ช่วงระยะก่อนเข้าพิทแรก Vettel ก็นำห่าง Kovalainen ไปเกือบ 10 วินาที
ถึงแม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งที่ Hamilton ซึ่งยังไม่ได้เข้าพิทไปเปลี่ยนยางไล่จี้ท้ายขึ้นมา แต่นักแข่งเยอรมันก็ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย และเมื่อ Hamilton เข้าพิทไป นั่นทำให้ Vettel มีช่วงจังหวะหายใจซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าพิทไปอีกครั้งและยังคงออกมานำการแข่งขัน
Vettel เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยระยะห่างจาก Kovalainen อันดับ 2 ถึง 12.5 วินาที ขึ้นแท่นกลายเป็นนักแข่ง F1 ที่อายุน้อยที่สุดที่ชนะการแข่งขัน และคว้าชัยชนะครั้งแรกให้กับต้นสังกัด Toro Rosso ซึ่งเป็นชัยชนะที่ทำได้ก่อน Red Bull ทีมหลักเสียอีก
“ถ้าหากไม่ได้ Sebastian อยู่ในรถ ชัยชนะครั้งนี้ก็คงไม่อาจเป็นไปได้” Giorgio Ascanelli ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ Toro Rosso กล่าวหลังจบการแข่งขันในวันนั้น
อ้างอิง : motorsport.com
อ่าน >>> 10 อันดับชัยชนะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Sebastian Vettel ใน F1 (Part 1)
