ตลอด 15 ปีของการจำหน่าย Suzuki SOLIO มินิคาร์ทรงกล่องได้รับการตอบรับอย่างดีชาวญี่ปุ่นจนสร้างยอดขายมากถึง 539,576 คันและมาแทนรุ่น Wagon R
ล่าสุด Suzuki SOLIO ทั้งรุ่น HEV และ MHEV เผยรุ่นปรับโฉม ไมเนอร์เชนจ์ร่างเจนที่ 4 และปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 5 ปี
เริ่มที่รุ่น SOLIO Bandit มาในมาดหรูด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่แนวตั้ง 18 ซี่ล้อมกรอบกระจังหน้ารูปตัว C คล้ายกับ Toyota Alphard หรือ VElLLFIRE ไฟหน้า LED สองชั้นดีไซน์ใหม่ทั้ง ไฟส่องสว่างเวลากลางวันส่วนบนและไฟหน้าส่วนล่างพร้อมไฟตัดหมอก LED ในกรอบสีดำในชุดกันชนหน้าทรงหรูเท่พร้อมสเกิร์ตในตัวพร้อมล้ออัลลอยลายเดิมปรับอารมณ์ใหม่ด้วยทูโทนปัดเงาขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 165/65R15
ทางด้านรุ่น SOLIO ยังคงเดิมแต่เพิ่มสีสันใหม่ด้วยกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่แนวนอน 3 ชั้น พร้อมกรอบคิ้วไฟตัดหมอกหน้าใหม่แบบโครเมียมช่องระบายอากาศสีดำ ชุดไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED ล้ออัลลอยลายเดิมแต่เป็นสีเทาอ่อน ขนาด 15 นิ้ว
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมหลังคารถ กระจกมองข้างมทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว LED ให้เลือกทั้งสีเดียวกับตัวรถและสีดำ กระจกบานเล็กบริเวณเสา A มือจับประตูดึงก้าน สเกิร์ตด้านล่าง ไฟท้าย LED แนวตั้งรมดำ คาดคิ้วโครเมียมแนวยาว กับสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 กันชนหลังมีสเกิร์ตในตัว และเสาอากาศเสาสั้นด้านหลังขวา ด้วยมิติตัวรถดังนี้
- ความยาว 3,810 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,645 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,745 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,030-1,070 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 30-32 ลิตร
ภายในคงเดิมทั้งแผงคอนโซลหน้ากับแผงประตูตกแต่งสีเข้มทั้งสีน้ำเงินและสีน้ำตาลกรมท่า แผงช่องแอร์และคิ้วชายประตูล่างสีเงินไททาเนียมในรุ่น SOLIO และแผงช่องแอร์และคิ้วชายประตูล่างสีเงินเข้มในรุ่น SOLIO Bandit หัวเกียร์หุ้มหนัง และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน หุ้มหนัง
มาตรวัดความเร็วแบบเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูล MID ตรงกลางแผงคคอนโซลหน้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านพร้อม Paddle Shift พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto กับระบบนำทางในตัวที่สามารถแบ่งหน้าจอได้เชื่อมต่อกับหน่วยความจำบนสมาร์ทโฟน เชื่อมต่อกล้องบันทึกการขับขี่มีช่องเสียบทั้ง USB และ HDMI เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติและแอร์ราวบนหลังคา ประตูหลังสไลด์ได้ด้วยระบบไฟฟ้าสั่งการได้จากกุญแจรีโมท Smart Key มีม่านบังแดดคู่ซ้าย-ขวา และ Push Start เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold
รองรับ Suzuki Connect เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับรถยนต์ช่วยให้คุณใช้งานฟังก์ชันในแอพต่างๆได้ เช่น โทรฉุกเฉินติดต่อศูนย์บริการของ Suzuki และสั่งการทำงานเปิดปิดเครื่องปรับอากาศด้วยระยะไกล พร้อมความสบายจาก 5 ที่นั่งที่ตอนที่สองปรับเอนได้ถึง 56 องศา เลื่อนได้สุด 165 มิลลิเมตร และพับได้ 50/50 พร้อมที่ท้าวแขนสองข้าง พร้อมพื้นที่สัมภาระยาว 500-715 มิลลิเมตร และเมื่อพับเบาะลงมีพื้นที่มากถึง 1,390 มิลลิเมตร
นอกจากหน้าตาใหม่แล้วขุมพลังก็ใหม่ด้วยยกมาจาก Suzuki Swift เจนใหม่กับเบนซิน 3 สูบ Mild Hybrid ขนาด 1.2 ลิตร รหัสใหม่ Z12E ให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 109 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกใหม่ ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ พ่วงด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนก้อนเล็กสุด 6Ah 12V หรือ 0.072 kWh จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Integrated Starter Generator (ISG)
ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ทั้งแรงและเร้าใจขึ้นแบบ SVHS (Suzuki Hybrid Vehicle System) กำลังสูง 3.1 แรงม้าที่ 1,100 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 100 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันสูงสุด 20.7 และ 22.0 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน WLTC พร้อม ความปลอดภัยเต็มคัน Suzuki Safety Support ทั้ง
- ป้องกันการชนด้านหน้า DSBS II (Dual Sensor Brake Support II)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมตรวจจับยานพาหนะ คนเดินถนน จักรยานและมอเตอร์ไซค์ Autonomous emergency braking (AEB) with vehicle, pedestrian, cyclist and motorcyclist detection
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอยหลัง Reverse AEB
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop/Go และอยู่ในเลน Adaptive cruise control with stop/go and Lane Centering เพิ่มฟังก์ชัน Stop-Hold
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKA (Lane Keep Assist)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- กล้องมองภาพรอบคัน Surround View Camera
- แสดงป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHS (Adaptive High Beam System)
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitoring System)
- ช่วยเบรกความเร็วต่ำ low-speed brake support ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง
- แจ้งเตือนการออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ใหม่!! เตือนผู้ขับขี่ให้ตรวจสอบเบาะหลังเมื่อออกจากรถ ROA (Rear Occupant Alert)
Suzuki SOLIO ทั้งรุ่น SOLIO Hybrid 3 เกรดทั้งรุ่น MG,MX และ MZ มาทั้งหมด 6 รุ่นย่อยเริ่มต้น 1,926,100-2,176,900 YEN หรือราว 425,000-479,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้าขายรวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 1,225,000-1,379,000 บาท
SOLIO ฺ Bandit Hybrid รุ่น MV มาทั้งหมด 2 รุ่นย่อยเริ่มต้น 2,303,400-2,648,800 YEN หรือราว 509,000-585,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้าขายรวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 1,465,000-1,685,000 บาท พร้อมสีใหม่สีน้ำเงินหลังคาดำ Speedy Blue Metallic Gunmetallic Two-tone Roof” สำหรับ SOLIO และ สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic ในรุ่น SOLIO Bandit
ที่มา Carwatch
