ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้วที่ Suzuki ตัดสินใจเสริมทางเลือกให้กับคนชอบแต่งจับ Suzuki Swift แต่งองค์ทรงเครื่องจากโรงงาน
ในชื่อ Suzuki SWIFT GL MAX Edition จนมาถึง Suzuki Swift GL Plus I เมื่อปีกลายและ Suzuki Swift GL Plus II ได้กลับมาอีกครั้งโดยเปิดตัวได้ไม่นานผนวกกับตัวรถกระทัดรัดการขับขี่เป็นจุดเด่นจากแพลตฟอร์ม HEARTECT สู้ได้ในช่วงราคา 5 ถึง 6 แสนบาท และเพื่อเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของการเป็นรถที่ขับดีและแต่งขึ้น ทาง Suzuki จึงพาสื่อมวลชนชั้นนำรวมถึงทีมงาน Car2Day ได้มาทดสอบขับกันในเส้นทาง กทม.-หัวหิน ระยะทางเกือบ 200 กม.
Suzuki Swift GL Plus II นำ Suzuki Swift รุ่นเริ่มต้น GL มาใส่ชุดสเกิร์ตเข้มๆรอบคันโดยเป็นชุดแต่งออกแบบใหม่เพื่อรุ่นนี้ปีนี้ ตั้งแต่ชุดสเกิร์ตหน้าออกแบบดูลงตัวกว่ารุ่น GL Plus เวอร์ชั่นหนึ่งครอบทับ รวมถึงเติมความเข้มด้วยคิ้วสีเงินด้านตอบรับกับดีไซน์กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมทรงเดิมไส้รังผึ้งแต่เปลี่ยนในส่วนเส้นแนวนอนใต้โลโก้ S จากสีเดียวกับตัวรถกลายเป็นเส้นโครเมี่ยมและถอดฐานใส่ป้ายทะเบียนแนวยาวออกไปไฟหน้าคงเดิมกับไฟหน้า ฮาโลเจนแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ กับ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime สถิตอยู่ในบนชุดไฟตัดหมอกหน้าทรงกลมแต่ยังไม่มีในรุ่นนี้ และสติ๊กเกอร์สีแดงสองบั้งติดซ้าย-ขวากระโปรงหน้า
ด้านข้างไม่ว่าจะรุ่น GL GL Plus และรุ่น GLX ยังทะมัดทะแมงเช่นเดิมด้วยเสา A แนวตั้งทาด้วยสีดำรวมถึงเสา B ก็ทาด้วยสีดำเช่นกัน ซึ่งให้อารมณ์แบบเดียวกับรถ MINI กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถที่สามารถปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้า ทางด้านเสา C ออกแบบที่เปิดประตูติดกับเสาแบบสีดำ ส่วนที่เปิดประตูด้านคนขับและคนนั่งคู่หน้าเป็นก้านสวิตช์สีเดียวกับตัวรถ พร้อมปุ่ม Keyless Entry ตรงก้านที่เปิดประตูสองฝั่งสามารถล็อกปลดล็อกที่ก้านหรือตัวกุญแจรีโมท Smart Key ส่วนไฟเลี้ยวด้านข้างติดบังโคลนหน้าซ้าย-ขวา รุ่นนี้ให้ฝาครอบล้อกับกระทะล้อสีดำมาให้ขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 175/65R15 เสริมเข้มด้วยคิ้วขอบล้อสีดำลงตัวกับชุดสเกิร์ตด้านข้างใหม่ สติ๊กเกอร์สีแดงคาดคู่ประตูหน้าและหลัง และเสาอากาศครีบฉลามสีดำ ไฟท้ายคงเดิมด้วย LED รูปตัว C กับไฟเบรกดวงที่ 3 ฝังขอบกระโปรงท้าย สปอยเลอร์หลังออกแบบพิเศษสีดำ กันชนท้ายพร้อมชุดป้ายทะเบียนบนชุดกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถครอบทับด้วยสเกิร์ตสีดำ เสริมคิ้วสีเงินด้านและคิ้วท่อไอเสียหลอกทรงเหลี่ยมโครมี่ยม
ตัวรถมีติที่ลงตัวสมส่วนตั้งแต่ความยาว 3,845 มม. ความกว้าง 1,735 มม. ความสูง 1,495 มม. ระยะฐานล้อ 2,450 มม. น้ำหนักรถ 1,365 กก.ความสูงใต้ท้องรถ 120 มม. ความจุถังน้ำมัน 37 ลิตร เท่ากับรุ่น GL และ GLX
Interior & Convenience
ถึงแม้ภายนอกจะหล่อด้วยชุดสเกิร์ตเข้มรอบคันและสติ๊กเกอร์แต่ภายในกลับยกชุดมาจากรุ่น GL ปกติมาเกือบทั้งดุ้นไม่มีอะไรเพิ่มเติมตั้งแต่ วิทยุ CD 2 DIN MP3 และให้ลำโพงคู่หน้าสองจุดชุดแต่งแผงคอนโซลหน้าเปลี่ยนมาเป็นแบบสีเงินด้านรวมถึงตกแต่งแผงประตูด้วยสีเดียวกับแผงคอนโซลหน้าช่องแอร์ทรงกลม มาตรวัดเรืองแสงสไตล์สปอร์ตพร้อมจอแสดงข้อมูล MID สร้างความโฉบเฉี่ยวเร้าใจทุกการขับขี่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสปอร์ตแบบท้ายตัด D-Shape 3 ก้าน ปรับสูง-ต่ำและเข้าออกได้ 4 ทิศทางไม่หุ้มหนัง โดยในชุดพวงมาลัยมีปุ่มทำงานชุดเครื่องเสียงแต่ไร้ปุ่มล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และปุ่มรับสายมือถือ มาพร้อมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ (ในรุ่นก่อนปรับโฉมให้ระบบปรับอากาศเป็นแบบปุ่มหมุม) ทรงกลมสามจุด ถัดลงมาเป็นช่องเสียบ USB และช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12 V แถมเอาใจคนชอบใส่ของด้วยช่องวางของและวางเครื่องดื่มมากถึง 7 จุดและปุ่ม Keyless Push Start สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ในปุ่มเดียวที่สะดวก ทันสมัย
ด้วยความเป็นรถท้ายตัดที่มีเสา A ทำให้การขับขี่ทัศนวิสัยมองเห็นชัดเจนพอสมควร เบาะนั่งอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างเตี้ยแต่ก็ปรับสูงต่ำได้ราวๆ 6 หรือ 8 ทิศทางแต่ปรับด้วยมือ เบาะนั่งหลังนั่งสบายพื้นที่หลังคายังมีเหลือๆพร้อมพื้นที่ด้านท้าย 265 ลิตร และพับเบาะหลังแบบ 60/40 ขยายพื้นที่การขนของได้มากขึ้น โดยมาในแบบผ้าสีดำเข้ม โทนห้องโดยสารสีดำ แต่จุดสังเกตอย่างนึงคือ กระจกมองหลังที่ปรับลดแสงสะท้อนนั้นฐานกระจกมองหลังไปติดที่ชุดแผงหลังคาแทนที่จะไปติดที่กระจกหน้าซึ่งตรงนี้ดูจะโบราณไปนิดถ้าหากมองเรื่องยุคสมัยมาเกี่ยวข้องแต่ถ้าไม่คิดอะไรก็ใช้งานได้ดีเหมือนกัน
Engine & Transmission
สำหรับ Suzuki Swift GL Plus พกพลังสมกับความเป็น ECOCAR กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที รหัส K12M 4 สูบ 16 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,197 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 73.0 X 71.5 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11.5:1 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้ค่า CO2 100 กรัม/กม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตาม Eco Sticker 23.3 กม./ลิตร
เครื่องยนต์บล็อกนี้ใส่ในทุกรุ่นของ Suzuki Swift จนมาถึงรุ่น GL Plus ติดตั้งเทคโนโลยีหัวฉีดคู่หรือ DUALJET เพิ่มประสิทธิภาพที่จัดวางไว้ใกล้กับห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และทำงานโดยฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปที่กระบอกสูบพร้อมกันทั้ง 2 หัวฉีด น้ำมันมีละอองที่ละเอียดขึ้น อัดฉีดน้ำมันได้อย่างแม่นยำและลดอุณหภูมิในกระบอกสูบเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ยังมีระบบ EGR ที่ลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ระบายความร้อนแก๊สไอเสียด้วยน้ำและหมุนวนเข้าท่อร่วมไอดี เป็นการลดการเผาไหม้ที่ผิดปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
Handling & Ride
ครั้งนี้ถือว่าพิเศษกว่าครั้งที่ไปทดสอบรุ่นท็อปสุด GLX ที่สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ด้วยการขับรถบนท้องถนนเหมือนการขับรถในชีวิตประจำวันด้วยขนาด 1.2 ลิตร กับน้ำหนักตันต้นๆผนวกกับชุดแต่งรอบคันและขนาดล้อและยางที่ลดขนาดความกว้างมาเป็น 175 และลดมาอีก 1 นิ้วเป็น 15 นิ้ว ก็ไม่ทำให้สมรรถนะบั่นทอนไปโดยปริยาย กำลังเครื่องมาค่อนข้างเร็วทันใจ ด้วยเกียร์ CVT ที่ให้อัตราทดเฟืองท้ายมาแบบกว้าง ถึง 3.757 ส่งผลให้การเร่งแซงทันมือทันเท้าเลยทีเดียว แต่ถ้าหากการขับขี่ทั่วไปในเมืองไม่ชอบการที่เครื่องยนต์ติดๆดับๆบ่อยก็สามารถกดปุ่มยกเลิกระบบ IDLING STOP ได้ ถึงแม้จะช่วยประหยัดน้ำมันก็ตาม พวงมาลัยของรถคันนี้เป็นแบบพาวเวอร์แบบไฟฟ้าที่ให้รัศมีวงเลี้ยว 4.8 เมตร ยังควบคุมบังคับง่ายสบายๆวงเลี้ยวแคบดีตอบสนองมั่นใจอย่างมากถึงในการขับขี่ควบคุมง่ายและน้ำหนักเบา
ระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันอิสระพร้อมคอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมพร้อมคอยล์สปริง เซ็ตออกมาดีนุ่มนวลไม่ย้วย ไม่ว่าจะขับในย่านความเร็วกลางๆเกือบสูงก็ยังมั่นใจกับการเข้าโค้งถึงจะหลุดโค้งไปนิดแต่ก็ควบคุมรถไม่ให้นอกลู่นอกทางอย่างทันใจเพราะส่วนหนึ่งกับความดีของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวและป้องกันการลื่นไถลที่ไม่ยอมให้รถหลุดจากโค้งอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเบรกกะทันหันหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้า โดยรุ่น GL Plus หรือ GL ให้เพียงแค่ระบบเบรกหน้าดิสก์บรกหลังดรัมแบรก แต่ประสิทธิภาพการเบรกดีเท่าๆกับรุ่นท็อป GLX ที่เป็นดิสก์เบรกสี่ล้อ ในการกดแป้นมากขึ้นถึง 20 % ระยะการเบรกสั้นลงทันใจผนวกกับความเป็น แพลตฟอร์ม HEARTECT ยกระดับการขับขี่ด้วยปรับปรุงตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับน้ำหนัก ถังน้ำมันเชื้อเพลิง แถมลดน้ำหนัก มุ่งไปที่ทุกส่วนของรถยนต์มากกว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่คงความแข็งแกร่ง ทนทาน มีประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดี ขับขี่ได้คล่องตัว โดยเมื่อช่วงล่างเครื่องยนต์พวงมาลัยทำงานร่วมกันผลที่ออกมาคือการตอบสนองที่เป็นหนึ่งเดียวต่อเนื่อง
Safety & Feature
ความปลอดภัยของ Suzuki Swift GL Plus ให้มาแบบพื้นๆไม่โดดเด่นอะไรเมื่อเทียบกับรุ่นท็อปสุด GLX แต่อย่างน้อยระบบควบคุมการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการทรงตัวของรถ (ESP) ออกตัวบนทางลาดชัน (HHC) เบรก ABS+EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า โครงสร้างตัวถังแบบ TECT ก็ยังให้มา และมีไล่ฝ้าเส้นลวดกระจกหลังติดตั้งมาให้จากเดิมรุ่นก่อนปรับโฉมโดนค่อนขอดมาว่าไม่มีให้
Verdict
ด้วยค่าตัวเพิ่มมาอีก 10,000 บาท กับชุดแต่งรอบคันและสติ๊กเกอร์ดีไซน์ใหม่หมดผนวกกับความเป็นรถที่ขับสนุก ขับมั่นใจช่วงล่างที่เซตมานุ่มนวล พวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักเบา เครื่องยนต์ 83 แรงม้าตอบสนองดี บ่งบอกตัวตนเด่นชัดเหมือนรถ MINI ด้วยค่าตัว 572,000 บาท ไม่แคร์เรื่องความปลอดภัยไฮเทคที่เจ้าอื่นเขามีกันและไปต่อยอดอัพเกรดความหล่อใส่ล้ออัลลอยลายเจ็บอัพช่วงล่าง เติมจอสัมผัสขนาดใหญ่และอื่นๆถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาแล้วสำหรับ Suzuki Swift GL Plus แต่ก็ขอบอกไว้ก่อนว่ามีจำนวนจำกัดถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น!!
ขอขอบคุณ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เชิญทีมงาน Car2Day เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถ Suzuki Swift GL Plus