นับตั้งแต่ Suzuki ลงมาตลาดตลาดเอ็มพีวียกสูงด้วยการแนะนำ Suzuki XL7 เมื่อเกือบ 2 ปี ก่อน จนตอนนี้มียอดขายสะสมกว่า 6,000 คัน
และด้วยตลาดกลุ่มนี้ที่ทาง Suzuki เรียกว่า Multi-Dynamic Crossover ในปีเสือนี้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งเจ้าเล็กและเจ้าใหญ่พาเหรดส่งรุ่นๆใหม่ทั้งแบบเจเนอเรชั่นใหม่หรือการปรับโฉมในร่างเดิม ทำให้ Suzuki ตัดสินใจเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY2022 ออกมาและเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จเกือบ 2 ปี ทาง Suzuki จึงพาสื่อมวลชนชั้นนำรวมถึงทีมงาน Car2Day ได้มาทดลองขับ Suzuki XL7 เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทางเกือบ 200 กม.
Design & Exterior
เจ้าเอ็มพีวียกสูงคันนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งหน้าตา ความหล่อแต่สำหรับรุ่น MY2022 นี้ เพิ่มสีทูโทน มาโดยการเพิ่มครั้งนี้จะอยู่ในส่วนของหลังคาสีดำตัดกับสีตัวรถ เติมเต็มความสปอร์ตด้วยกระจกมองข้างสีดำ ซึ่งสีทูโทนนี้จะมาเฉพาะสีส้ม Rising Orange Pearl Metallic (ZZY) และสีขาว Pearl Snow White (ZQZ) โดยเพิ่มเงินจากเดิม 10,000 บาท
นอกนั้นคงเดิมทุกประการตั้งแต่ กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตสีดำผสมโครเมียม สอดรับกับไฟหน้า LED สามารถปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ มาพร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้า ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน
ด้านข้างมีเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบช่องลมเล็กๆข้างบังโคลนซ้าย-ขวา ฝากระโปรงหน้ารถออกแบบมีไสตล์เล่นระดับ พร้อมราวหลังคาสีเงินดีไซน์ใหญ่รองรับการบรรรทุกได้หลากรูปแบบ เสาอากาศแบบเสายาวแปะติดบนหลังคามีความโดดเด่นขึ้นมาทันที ซุ้มล้อสีดำใหญ่ติดบังโคลนลงตัวกับคิ้วชายล่างประตูสีดำเงิน พร้อมล้ออัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 195/60R16 กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับพับด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมไฟท้าย LED ไฟเบรกดวงที่ 3 ออกแบบให้คันหลังมองเห็นชัดเจนและมีสปอยเลอร์แบบ built In ในตัว รับกับกันชนหลังตกแต่งด้วยคิ้วสีเงินดำ ดุดันเท่อย่าบอกใคร
ด้วยตัวรถนำพื้นฐานของ Suzuki Ertiga มาเปลี่ยนตัวตนเป็นรถลุยยกสูงทำให้มิติตัวรถมีความใหญ่โตขึ้นมานิดหน่อยตั้งแต่ความยาว 4,450 มม. ความกว้าง 1,775 มม. ความสูง 1,710 มม. ฐานล้อ 2,740 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 200 มม. น้ำหนักรถ 1,175 กก. และความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร
Interior & Convenience
คอนโซลด้านหน้าตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber เสริมด้วยคิ้วโครเมียม และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน อาทิ มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผล แจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ ทั้งยังเชื่อมต่อกับความบันเทิงด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อ Bluetooth การเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI ที่บริเวณคอนโซลหน้า มาพร้อมลำโพง 6 จุด อีกทั้งช่องจ่ายไฟสำรอง 12V มากถึง 3 ตำแหน่ง เสริมความสปอร์ตด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและการสั่งการสมาร์ตโฟน ทันสมัยด้วยระบบ Keyless Push Start และระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้ โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมต รวมถึงกระจกมองข้างที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ให้ผู้ขับขี่สัมผัสความสะดวกสบายในการใช้งาน
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งคนขับปรับด้วยมือสูง-ต่ำ 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 สามารถเลื่อนสไลด์ได้เท่านั้นไม่สามารถพับแบบ One Touch โดยสไลด์ถึง 240 มิลลิเมตรในการขึ้นลงเข้าตอนที่สาม ส่วนเบาะตอนที่สามสามารถพับได้แบบ 50:50 โดยถ้าพับแถวที่สามลงจะมีพื้นที่มากขึ้น 550 ลิตรและถ้าพับทั้งตอนที่สองและตอนที่สามจะมพื้นที่มากถึง 803 ลิตร โดยทั้งสามตอนนั้นหุ้มวัสดุผ้าผสมกับหนังสังเคราะห์ เย็นสบายทั้งคันด้วยเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แถมมีแอร์ราวบนหลังคาแยกส่วนการทำงานมาพร้อมแผ่นกรองอากาศกันฝุ่นได้เต็มประสิทธิภาพแต่จุดสังเกตอย่างหนึ่งคือ กระจกมองหลังโดยฐานกระจกไปติดที่ชุดแผงหลังคาแทนที่จะไปติดที่กระจกหน้าซึ่งตรงนี้ดูจะโบราณไปนิดถ้าหากมองเรื่องยุคสมัยมาเกี่ยวข้องแต่ถ้าไม่คิดอะไรก็ใช้งานได้ดีเหมือนกันแถมไม่สามารถปรับลดแสงสะท้อนได้
Engine & Transmission
ขับเคลื่อนเร้าใจในการใช้งานประจำวันและต่างจังหัวดอย่างสนุกสนานสำหรับ Suzuki XL7 ยกขุมพลังมาจาก Suzuki Ertiga กับเครื่องยนต์เบนซิน K15B ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที 4 สูบ 16 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,462 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 74.0 X 85.0 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ทอร์คคอนเวอรเตอร์
สำหรับระยะทางเกือบ 200 กิโล กรุงเทพฯ-หัวหิน กับพลัง 1.5 ลิตร ที่ให้การตอบสนองน่าพอใจทั้งในความเร็วต่ำ กลางและสูง เรียกว่าคิ๊กดาวน์เร่งแซงทันอกทันใจ ไม่อืดคลาน ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ตอบสนองนุ่มนวลไม่กระตุกนับเป็นขุมพลังที่ขับสบายๆพอเพียงไม่แรงมากไปไม่อืดมากไปแรงตามตัวของมันเอง
Handling & Ride
รถคันนี้แน่นอนแล้วว่าเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าให้ความคล่องตัวทุกการขับขี่และกำลังเครื่อง 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ก็พอเพียงแล้วด้านการควบคุมนั้นเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าที่ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ที่น้ำหนักกำลังดี ควบคุมบังคับง่ายวงเลี้ยวแคบดีมั่นใจอย่างมากถึงในวนเวลาเลี้ยวรถกลับยูเทิร์น สำหรับช่วงล่างหน้าเป็นระบบแม็คเฟอร์สันอิสระพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบเทอร์ชอนบีมพร้อมคอยล์สปริง เซ็ตออกมาดีนุ่มนวลไม่ย้วย ไม่ว่าจะขับในย่านความเร็วกลางๆเกือบสูงก็ยังมั่นใจกับการเข้าโค้งถึงจะหลุดโค้งไปนิดแต่ก็ควบคุมรถไม่ให้นอกลู่นอกทางอย่างทันใจเพราะส่วนหนึ่งกับความดีของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และป้องกันการลื่นไถล TCS ที่ไม่ยอมให้รถหลุดจากโค้งอย่างแน่นอน เหมือนตอนขับ Suzuki Swift และยิ่งได้เข้าไปลุยเล็กๆบนสนามจำลองแถวๆบึงปรีดา เลค&ฮิลล์ ท่ายางเพชรบุรี ด้วยการลุยบ่อน้ำเล็กน้อยกับตัวรถที่มีความสูงใต้ท้องรถ 200 มม. สามารถฝ่าได้อย่างสบายๆเพียงแตะคันเร่งเบาก็สามารถไปได้ รวมถึงเส้นทางขุรขระช่วงล่างคันนี้เซ็ตมาได้ดีเรียกว่าทางเรียบสอบผ่าน ทางลุยยิ่งสอบผ่านคูณสองเลยทีเดียว และถ้าจอดรถบนทางลาดชันก็มีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน หรือ HHC มาให้กันรถไหลลงขณะออกตัว
ส่วนระบบห้ามล้อน่าเสียดายที่เป็นหน้าดิสก์เบรกแบบมีช้องระบายความร้อน หลังดรัมเบรกแบบฝักนำและฝักตามแต่ประสิทธิภาพน้ำหนักในการกดแป้นมากขึ้นถึง 20 % ระยะการเบรกสั้นลงทันใจโดยผสานทั้งเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ควบคู่กัน และคันนี้ใช้แพลต์ฟอร์มเดียวกับ Suzuki Ertiga และ Suzuki Swift นั่นคือ แพลตฟอร์ม HEARTECT ยกระดับการขับขี่ด้วยปรับปรุงตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับน้ำหนัก ถังน้ำมันเชื้อเพลิง แถมลดน้ำหนัก มุ่งไปที่ทุกส่วนของรถยนต์มากกว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่คงความแข็งแกร่ง ทนทาน มีประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดี ขับขี่ได้คล่องตัว โดยเมื่อช่วงล่างเครื่องยนต์พวงมาลัยทำงานร่วมกันผลที่ออกมาคือการตอบสนองที่เป็นหนึ่งเดียวต่อเนื่อง
Safety & Feature
ความปลอดภัยของ Suzuki XL7 MY2022 รุ่น GLX ให้ระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง กล้องมองหลัง ทำงานควบคู่กับสัญญาณกะระยะการจอดรถด้านหลัง ควบคุมการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการทรงตัวของรถ (ESP) ออกตัวบนทางลาดชัน (HHC) เบรก ABS+EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และโครงสร้างตัวถังแบบ TECT
Verdict
ถึงแม้จะเป็นรถที่พัฒนามาจาก Suzuki Ertiga และ Suzuki Swift กับความเป็นเอ็มพีวียกสูงด้วยความสูงใต้ท้องรถ 200 มม. สร้างบุคลิกการเป็นรถลุยเล็กๆได้สบายๆ รวมถึงภายนอกที่แต่งดุดันสไตล์เอสยูวีลุยแถมสีทูโทนสร้างความหล่อเท่ได้ไปในตัว กับภายในที่สบาย 7 ที่นั่งพรั่งพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานบันเทิงตลอดเส้นทาง แถมเก็บเสียงดี ช่วงล่างดีและพลัง 1.5 ลิตรที่ไปวัดไปวาได้ แต่เสียตรงที่ความปลอดภัยให้มาน้อยควรให้ทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน กับ Cruise Control รวมถึงระบบห้ามล้อน่าจะให้ดิสก์เบรก 4 ล้อ สักนิดมาสักหน่อยก็จะดี และราคา 789,000 บาท กับความเป็น Suzuki ถ้าตัดเรื่องออพชั่นที่ให้แค่นี้ และเน้นการใช้งาน Dailyuse ทั่วๆไปถือว่าคันนี้น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับ Suzuki XL7 MY2022 รุ่น GLX
ขอขอบคุณ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เชิญทีมงาน Car2Day เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถ Suzuki XL7 MY2022