Tesla ใช้เวลาเพียงสิบกว่าปีพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลก จนผลิตรถได้ไม่พอขาย วันนี้ Tesla ล้ำหน้าไปอีกขั้น ด้วย Gigapress อาวุธลับที่จะช่วยผลิตรถให้เร็วขึ้นเป็นร้อยเท่า
Tesla จึงพยายามพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตรถเพิ่มขึ้นโดยเริ่มจากขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุดคือ การทำโครงสร้างของตัวรถ
โครงสร้างรถยนต์ไฟฟ้า
โครงสร้างของรถยนต์เป็นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงสูงเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนขับและผู้โดยสาร โครงสร้างรถ Tesla ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ
- ตัวถัง Body เป็นส่วนโครงสร้างด้านบนทั้งหมดของห้องโดยสาร
- แชสซี Chassis แชสซี เป็นส่วนตัวถังรถด้านล่างซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่สุดของตัวรถ เหมือนกระดูกสันหลังของรถยนต์ ที่ต้องมีความแข็งแรงสูง เพราะต้องเชื่อมต่อกับระบบส่งกำลัง ช่วงล่างและล้อ เอาไว้ด้วยกัน เพื่อรับน้ำหนักทั้งหมดของรถและลดแรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนที่บนพื้นถนน
โครงสร้างรถแบบใหม่ของ Tesla Elon Musk ต้องการยกระดับการออกแบบและการผลิตโครงสร้างรถ Tesla ให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น เพื่อทิ้งห่างผู้ผลิตรถเจ้าอื่นอีกหลายปี
เริ่มจากรถรุ่น Model Y ซึ่ง Tesla ได้พัฒนาด้านวิศวกรรมครั้งใหญ่ทั้งเรื่องแบตเตอรี่แบบใหม่ และโครงสร้างแบบใหม่ของรถ Tesla จะมีแซสซีซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของรถ ที่หล่ออลูมิเนียมอัลลอยขึ้นเป็นแซสซีแบบชิ้นเดียวสำเร็จรูปเลย
ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้วเชื่อมตรงกลางเข้าด้วยกันโดย Battery Pack แบบใหม่ที่ออกแบบมาให้กลายเป็นโครงสร้างรถเลย ทำให้โครงสร้างใหม่ Tesla แข็งแรงขึ้นและยังลดชิ้นส่วนลงได้ 370 ชิ้น ช่วยลดมวลรวมของรถลงได้ 10% ทำให้รถเบาขึ้นและช่วยให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น 14%
Gigapress เป็น High pressure die casting machine หรือเครื่องหล่อโลหะด้วยการฉีดโลหะหลอมละลายเข้าแม่พิมพ์ด้วยแรงดันสูง
ผลิตโดยบริษัท IDRA ของ Italy IDRA ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ 1946 มีประสบการณ์ยาวนานในการผลิตเครื่องหล่อโลหะแรงดันสูง die casting machine โดยมี LK Technology ของ ฮ่องกง เป็นบริษัทแม่ที่ทำเครื่องหล่อโลหะเหมือนกัน. Tesla เริ่มต้นด้วยการสั่งทำ สำหรับผลิตแซสซีของรถรุ่น Model Y จาก IDRA เป็นแบบพิเศษเฉพาะของ Tesla ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีแรงบีบอัดมหาศาลมากถึง 6,000 ตัน
ทำงานอย่างไร?
เริ่มจากการใช้น้ำมันฉีดเคลือบผิวแม่พิมพ์แบบบางๆ เพื่อช่วยให้สามารถถอดชิ้นส่วนที่หล่อเสร็จออกจากแม่พิมพ์ได้ง่ายขึ้น หลอมอลูมิเนียม อัลลอยที่จะใช้ในการผลิตแชสซี ในเตาหลอมเพื่อให้ได้อุณภูมิที่กำหนด พัฒนาอลูมิเนียม อัลลอย แบบพิเศษของตัวเอง เพื่อใช้โดยเฉพาะกับเครื่อง
ด้วยการผสมอลูมิเนียมและซิลิโคนเข้าด้วยกัน ซึ่งหลอมละลายที่อุณหภูมิ 850 องศาเซลเซียส ใช้ลูกสูบดันอลูมิเนียม อัลลอยหลอมเหลวในปริมาณที่กำหนดฉีดเข้าแม่พิมพ์ด้วยความเร็วสูง เพื่อหล่อแซสซีขึ้นตามแบบได้อย่างรวดเร็ว หลังจากชิ้นส่วนที่หล่อเสร็จมีอุณหภูมิลดลงเหลือ 400 องศาเซลเซียส แม่พิมพ์จะเปิดออก แล้วมีหุ่นยนต์ทำการถอดแชสซีไปแช่ในแท็งค์น้ำเพื่อลดอุณหภูมิลงให้เหลือ 50 องศาเซลเซียส แล้วเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ
ดีอย่างไร?
- เร็วขึ้น เดิมการผลิตแซสซีแต่ละชิ้นของ Tesla จะใช้หุ่นยนต์จำนวนมาก ตัดและขึ้นรูปชิ้นส่วน เป็นร้อยๆ ชิ้น แล้วเชื่อมทุกชิ้นเข้าด้วยกันจนกลายเป็นแซสซีชิ้นเดียว ซึ่งต้องผ่าน line การผลิตขนาดใหญ่ ที่ซับซ้อน และใช้เวลาในการผลิตเยอะมาก แต่ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตแซสซีได้เร็วขึ้นมาก ด้วยการหล่อแซสซีขึ้นเป็นชิ้นเดียวเลย กลายเป็นการผลิตแซสซีที่เร็วมากๆ โดยใช้เวลาผลิตเพียงแค่ชิ้นละ หนึ่งนาทีครึ่ง ซึ่งเร็วขึ้นเป็นร้อยเท่าจากวิธีผลิตเดิม Tesla มีแผนจะติดตั้งถึง 8 เครื่องในแต่ละโรงงาน Gigafactory ซึ่งจะรองรับการผลิตรถได้มากถึงวันละ 4,000 คันต่อวัน และ 1.5 ล้านคันต่อปี เร็วๆนี้
- คุณภาพดีขึ้น การหล่อแซสซีขึ้นเป็นชิ้นเดียว ชวยทำให้รถมีโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้นและมีน้ำหนักเบาลง ช่วยให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น และช่วยลดความผิดพลาดและความคลาดเคลื่อนมากมายจากการผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากแล้วเชื่อมแต่ละชิ้นเข้าด้วยกันครับ
- ถูกลง ถึงแม้เครื่องจักรจะมีราคาสูง แต่ทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันถูกลงมาก เช่น Gigapress 1 เครื่องช่วยลดหุ่นยนต์ที่ใช้ในการผลิตเดิมลงได้ถึง 30% หรือ 300 ตัว และลดขนาดของพื้นที่ที่ต้องใช้ในการผลิตลงได้อีก 30 % รวมแล้วช่วยให้ต้นทุนในการผลิตแซสซีของ Tesla ลดลงได้ 40%
ในปัจจุบัน Tesla ได้ติดตั้งและเริ่มใช้ Gigapress เพื่อผลิต Model Y ที่ Gigafactory Fremont ในอเมริกา, Gigafactory Berlin ในเยอรมัน, Gigafactory Shanghai ในจีน, Gigafactory Texas ในอเมริกา และ Tesla ได้สั่งผลิตเพิ่ม ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกถึง 8,000 ตัน เพื่อจะเริ่มผลิต Cybertruck
เร็วๆนี้ Gigapress จะกลายเป็นหนึ่งในอาวุธลับที่ช่วยให้ Tesla ล้ำหน้าและพลิกวงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ก้าวไกลไปอีกขั้น แล้วช่วยให้ Tesla สามารถผลิตรถไฟฟ้าที่ดีขึ้นและราคาถูกลง เพื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ อย่าง Model 2 ที่จะมีราคาเริ่มต้นเพียงหลักแสนเร็วๆนี้แน่นอน
