หลังจากเปิดตัวที่ออสเตรเลียไม่นานสำหรับ Toyota HILUX (HILUX TRAVO) เจนที่ 9 ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างดีล่าสุดคว้าความปลอดภัย 5 ดาวจาก ANCAP

ANCAP หรือ Australasian New Car Assessment Program หน่วยงานการทดสอบเพื่อประเมินสมรรถนะด้านความปลอดภัยของยานยนต์รุ่นใหม่
ที่จำหน่ายในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ผ่านการทดสอบตามเกณฑ์ล่าสุด ซึ่งมีหลักเกณฑ์การประเมินประกอบด้วยการทดสอบการชนจากด้านหน้า การชนจากด้านข้าง และการประเมินเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยดังนี้
- คะแนนในส่วนการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection: AOP) 84% ได้คะแนน 33.96 คะแนน จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน
- การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection: COP) 89% ได้คะแนน 44.00 คะแนน จากคะแนนเต็ม 49 คะแนน
- เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety Assist Technologies: SATs) 82% ได้คะแนน 14.83 คะแนน จากคะแนนเต็ม 18 คะแนน
- ระบบตรวจจับและป้องกันการชนคนเดินถนน หรือ VULNERABLE ROAD USER PROTECTION ได้คะแนนสูงถึง 82% ได้คะแนน 52.16 คะแนน จากคะแนนเต็ม 63 คะแนน

แต่ละหมวดการทดสอบได้ 80% ขึ้นไปจึงผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนในระดับ 5 ดาวไปโดยปริยาย โดยทาง ANCAP รายงานว่าเจ้ากระบะหน้าซูโม่ สามารถปกป้องผู้โดยสาร จากการชนทั้งด้านหน้าตรง ด้านข้าง ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง การทำงานของถุงลมนิรภัยรอบคัน 8 จุด ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย ใต้เข่าคนขับ และตรงกลางเบาะนั่งด้านหน้าฝั่งคนขับ ก็สามารถทำงานได้ดีในทุกรูปแบบการชน
ฝั่งคนขับและคนนั่งด้านหน้าจะมีความเสี่ยงจะได้รับบาดเจ็บ บริเวณลำตัว ลำคอ หน้าแข้งเล็กน้อย จากการทดสอบการชนทางด้านหน้าตรงและหน้าเยื้อง ที่ความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและการทดสอบการชนด้านข้างแบบเข้าเสากลางที่ความเร็ว 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้านผู้โดยสารเด็กที่นั่งบนเบาะโดยสารตอนหลังติดตั้ง Car Seat ทั้งฝั่งผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุ 6 ขวบ และเด็กโต อายุ 10 ขวบ สามารถปกป้องผู้โดยสารทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้ดีไม่มีรอยแผลแต่ออย่างใด เมื่อเบาะนั่ง Car Seat ถูกติดตั้งไว้บนตำแหน่งที่มีกลไก ISOFIX อย่างถูกต้อง โดยรุ่นที่นำมาทดสอบนั้นเป็น Toyota HILUX TRAVO รุ่น SR5
ระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ตั้งแต่
- All-Speed Dynamic Radar Cruise Control ควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ
- Lane Tracing Assist (LTA) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
- Pre-collision System (PCS) ความปลอดภัยก่อนการชน
- Lane Departure Alert (LDA) เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ
- Automatic High Beam (AHB) ความคุมไฟอัตโนมัติ
- Blind Spot Monitor (BSD) ช่วยเตือนมุมอับสายตา ที่กระจกมองข้าง
- Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
- Road Sign Assist (RSA) จดจำป้ายจราจร
- Emergency Driving Stop System (EDSS) หยุดรถฉุกเฉินอัตโนมัติ

ความปลอดภัยพื้นฐาน
- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา (ตั้งแต่รุ่น SR)
- ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 8 ตำแหน่ง
- Parking sensor สัญญาณเตือนกะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด
- Rear View Camera กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
- ดิสก์เบรก 4 ล้อให้การเบรกตอบสนองรวดเร็วแม่นยำ (รุ่น SR5 เป็นต้นไป)
- ป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking System (ABS)
- กระจายแรงเบรก Electric Brake Force Distribution (EBD)
- เสริมแรงเบรก Brake Assist (BA)
- ควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control-VSC
- ป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control-TRC และ A-TRC (รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ)
- ควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย Trailer Sway Control-TSC
- ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist Control-HAC
- ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Downhill Assist Control-DAC (รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ)
- สัญญาณไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน Emergency Stop Signal-ESS
- แจ้งเตือนลมยาง Tire Pressure Monitoring System-TPMS

ดีเซลเทอร์โบแปรผัน
ขนาด 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV ที่มี 2 ความแรง เริ่มที่ 204 แรงม้าที่ 3,000-3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600–2,800 รอบต่อนาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal และ Sport (ตั้งแต่รุ่น SR) ติดตั้งระบบ Stop & Start ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่ง เพื่อเพิ่มการประหยัดน้ำมัน
และ 2.8 ลิตร 204 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 1,400–3,400 รอบต่อนาทีในรุ่นเกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal และ Sport เทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ควบคุมหัวฉีดอย่างแม่นยำด้วยเซ็นเซอร์คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกับปั๊มคอมมอนเรล แรงดันสูงสุด 250 MPa ให้ละอองน้ำมันละเอียด เผาไหม้หมดจด

เทคโนโลยี V-Active Mild Hybrid ในรุ่น 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่น SR, SR5, ROGUE และ RUGGED X เกียร์อัตโนมัติ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าในชุดเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับ DC-DC Converter แปลงความต่างศักย์ไฟฟ้ากระแสตรงไปใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ ประจุเข้าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48V
น้ำหนักประมาณ 7.6 กิโลกรัมติดตั้งใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลัง เลี้ยงระบบไฟฟ้าภายในรถเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนแรงทันใจโดยเฉพาะในช่วงออกตัวและเร่งแซงให้กำลังเสริม 12 แรงม้า แรงบิด 65 นิวตันเมตร
มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time พ่วงระบบ Multi-Terrain Select (MTS) ช่วยปรับการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวที่หลากหลายทั้งแบบ ดิน ทราย โคลน หิน หรือ หิมะ (ตั้งแต่รุ่น SR) และล็อคเฟืองท้าย Differential Lock ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) ทุกรุ่น
มีพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS แม่นยำ ควบคุมง่ายให้ทุกรุ่น ระบบช่วงล่างแบบนุ่ม หนึบ เกาะถนน และช่วงล่างหลังแหนบกันสะเทือน ดูดซับแรงสะเทือนและเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ โดย Toyota HILUX (HILUX TRAVO) นำเข้าจากไทยประกอบที่โรงงานบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยเปิดราคาจำหน่าย 16 รุ่นย่อย ในราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลียเริ่มต้น $33,990-$71,990 หรือราว 729,000-1,529,000 บาท มีทั้งเกรด Work Mate, SR, SR5, ROGUE และ RUGGED X ตัวถังตอนเดียวหัวกระสือ ตอนครึ่งหัวกระสือ และ 4 ประตูทั้งมีกระบะท้ายและหัวกระสือ
ที่มา ANCAP










