More

    6 รถใหม่รุ่นเด่นที่ไม่เข้าเมืองไทย

    ตลาดรถยนต์ไทยปีที่ผ่านมาทำได้ 762,000 คันลดลงเล้กน้อย 4 % เพราะเนื่องจากโควิด-19 และการขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก

    ทำให้อุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องชะลอตัวลง แต่สัญญาณกลับเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาและคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ โดยปีนี้คาดว่าอาจมีการตั้งเป้ายอดขายในประเทศไว้ที่ 800,000-850,000 คัน ถ้า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สามารถควบคุมได้ ความชัดเจนมาตรการส่งเสริมจากทางภาครัฐ อาทิ การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ราคาสินค้าการเกษตร แม้กระทั่งภาษีรถไฟฟ้าที่ยังอยู่ในการพิจารณา ฯลฯ และส่งผลให้มีการเปิดตัวรถใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ว่าในปีเสือปีนี้ยังมีรถยนต์บางรุ่นบางยี่ห้อที่มีแววจะเข้าไทยแต่สุดท้ายตอกฝาโลงไม่เอาเข้ารุ่นที่อยากให้มาก็ไม่มาสักที หรือรุ่นที่เคยขายในบ้านเราเตรียมโบกมือลาตามสถานการณ์ วันนี้เราขอรวบรวม 6 รถดีรถเด่นที่ไม่มีแววเข้าจำหน่ายในไทยหรือเตรียมอำลาอย่างเป็นทางการ เริ่มกันที่

    1. BMW M760Li xDrive

    BMWBMW

    ซูเปอร์เก๋งหรูขนาดใหญ่จากเมืองมิวนิกที่มีข่าวล่าสุดเตรียมที่จะยุติการผลิตเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาดใหญ่ V12 ออกจำหน่ายในรอบ 35 ปี โดยเครื่องดังกล่าวได้ประจำการในรุ่น BMW X760Li xDrive โดยคันสุดท้ายจะผลิตถึงเดือนมิถุนายนนี้ กับพลัง M Performance TwinPower Turbo 6.6 ลิตร V12 610 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 1,550-5,000 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม.ได้ในเวลาเพียงแค่ 3.7 วินาที ควบคู่ไปกับการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Steptronic Sport โดยทีอเมริกาเตรียมเผยรุ่น Final Edition หรืออีกชื่อคือ Final V12 และจำนวนจำกัด ส่วนเมืองไทยเลิกทำตลาดไปได้สักระยะแต่ยังมีเหลืออยู่บ้างตามตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้งนี้รีบตัดสินใจเพราะเป็นรุ่นสุดท้ายของค่ายที่ทรงพลังจัดจ้านเท่าที่ค่ายนี้ทำมา

    1. Honda Civic Hatchback

    HondaHonda

    นับเป็นรุ่นที่สามต่อจาก Honda Civic 3 Door EG และ Civic Coupe EK ที่ประกาศว่าจำหน่ายแค่โมเดลนี้โมเดลเดียวสำหรับ Honda Civic Hatchback รหัส FK เนื่องด้วยยอดขายที่ผ่านมาทำได้ รวมทั้งสิ้น 11,054 คัน ตั้งแต่ปี 2017-2021 ซึ่งเป็นยอดที่ต่ำมากและเป็นช่วงหมดยุคของรหัส FK เลยทำให้รหัส FL ไม่มาสานต่อความนิยมอีกไปต่อไปในไทย

    1. MG 6

    MG

    เก๋งคอมแพ็คเจนที่ 2 ที่ทำตลาดต่อจากเจนแรก โดยรุ่นนี้เป็นหนึ่งในความหวังที่จพเข้าทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2017 แต่สุดท้าด้วยตลาดรถกลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่มีผู้เล่นแข็งงแกร่งไม่กี่เจ้าขื้นกัดฟันมาทำตลาดก็เสียรังวัดให้กับค่ายใหญ่อยู่ดีเลยไม่ตัดสินใจทำตลาดต่อไปกับเก๋งพรีเมี่ยมท้ายลาดทรง Fastback กับขุมพลังให้เลือกทั้งเบนซินเทอร์โบและ PHEV

    1. Mitsubishi Eclipse Cross

    Mitsubishi

    เอสยูวีน้องเล็กของค่ายทรีไดมอนด์ที่มีความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 จนมีการปรับโฉมไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถึงขั้นมีทีเซอร์ลงในภาพโฆษณาของไทยแล้วก็ไม่มีแววเข้าทำตลาดสำหรับ Mitsubishi Eclipse Cross บีเอสยูวีท้าชน Honda HR-V Toyota Corolla Cross และ Mazda CX-30 คล่องตัว สปอร์ตด้วยหลังคาท้ายลาดแบบ Hatchback แถมยกสูงพร้อมขุมพลังให้เลือกทั้งเบนซิน MIVEC ทั้ง 1.5 Turbo กับ 2.0 ดีเซลเทอร์โบ 2.2 ลิตร และ PHEV 2.4 ยกชุดกจากรุ่น Outlander PHEV ถึงขั้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทาง Mitsubishi Motors Thailand เตรียมเผยรถใหม่ถึง 9 รุ่น โดย 1 ใน 9 รุ่นนี้มี Eclipse Cross เข้ามาแต่สุดท้ายก็ไม่มาแต่ดันส่ง Mitsubishi Outlander PHEV เข้ามาทำตลาดแทนเท่ากับว่ารุ่นนี้ไม่เข้าอย่างถาวร

    1. Nissan Sylphy

    Nissan

    เก๋งคอมแพ็ครุ่นเด่นจากค่ายเพื่อนที่แสนดี ที่มีโอกาสจะเข้าทำตลาดในไทยเมื่อ 3 ปีก่อน ถึงขั้นเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือในโรงงานบางนาตราด กม.21 แต่สุดท้ายโครงการดังกล่าวต้องพับไปอย่างน่าเสียดายสำหรับ Nissan Sylphy ในรหัส B18 ด้วยความสปอร์ตเทียบชั้น Honda Civic Toyota Corolla Altis และ Mazda 3 โดยมีขุมพลังทั้งเบนซิน 1.6 กับ 2.0 และพลัง e-Power แต่รุ่นนี้จำหน่ายแค่ทางสหรัฐ จีน ไต้หวัน และ อเมริกาใต้ เท่านั้น

    1. Suzuki S-Cross

    Suzuki

    ตลาดเอสยูวีทั่วโลกรวมถึงไทยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ค่ายรถยนต์ต่างเบนเข็มมาทำตลาดนี้กันมากขึ้นรวมถึงค่ายรถเล็กอย่าง Suzuki  สำหรับรถกลุ่มเอสยูวีก็เคยนำเข้า Suzuki Jimny จำนวน 90 คัน เต็มโควตาและไม่มีแววที่จะสั่งมาอีกรอบ และล่าสุด Suzuki เปิดตัวเอสยูวีรุ่นใหม่หวังท้าชน Honda HR-V Toyota Corolla Cross และ Mazda CX-30 กับ Suzuki S-Cross เจเนอเรชั่นที่ 3 ด้วยความยาว 4,300 มม. ความกว้าง 1,785 มม. ความสูง 1,585 มม. ฐานล้อ 2,600 มม. กับขุมพลังแรงเบนซินเทอร์โบ Mild Hybrid SHVS 1.4 ลิตร 129 แรงม้า แรงบิด 235 นิวตันเมตรที่ 2,000-3,000 รอบ/นาที ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า ISG (Integrates Starter Generator) สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้าด้วย lithium-ion battery 48 โวลต์มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กให้กำลังมากถึง 13.6 แรงม้า แรงบิด 50 นิวตันเมตร พร้อมให้เลือกขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ ALLGRIP ที่มีโหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด งานนี้จับตาแล้วค่ายนี้จะเปิดตลาดกลุ่มใหม่ด้วยรุ่น S-Cross หรือยังจะอนุรักษ์กลุ่มที่ตนเองทำสำเร็จมาแล้วต่อไปงานนี้ติดตามกัน

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts