More

    เจาะรถเด่น! Mazda CX-30 MY2022 มาดใหม่สปอร์ตเอสยูวีตรงใจคนเมือง

    จากยอดขายรวมช่วงปีที่แล้วมากกว่า 35,000 คัน ส่งผลให้ Mazda ประสบความสำเร็จในไทยถึงจะมีโควิดเข้ามาป่วนก็ตาม

    โดยตัวเลข 35,385 คัน ลดลงจากช่วงปีกลาย 9.8% โดย Mazda 2 คว้าแชมป์รุ่นรถของค่ายที่กวาดยอดขายอันดับ 1 และในส่วนรถเอสยูวีของค่ายอย่าง CX-Series ทำยอดขาย 14,225คัน เพิ่มขึ้น 21.4% จาก 35,385 คัน(แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 19,799 คัน ลดลง 20.2% และรถปิกอัพ 1,361 คัน ลดลง 49.7 โดยยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ที่ 4.6%) ปรากฎว่า Mazda CX-30 คว้ายอดขายอันดับ 2 ของค่ายถึง 7,497 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30.9 % และเป็นยอดขายสูงอันดับ 1 ของรถในกลุ่ม CX-Series ถึงแม้จะไม่มีรุ่นใหม่ก็ตาม และปีนี้ Mazda เอง พร้อมจะเปิดตัวรุ่นใหม่ 4 รุ่นรวดบุกตลาดไตรมาสแรกสานต่อเป้ายอดขายปีนี้มากกว่า 40,000 คัน เพิ่มขึ้น 10% ครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 5 %

    Mazda

    สำหรับปีเสือประเดิมด้วย Mazda 2 MY2022 พร้อมสีใหม่เพิ่มออพชั่น และรุ่นที่สองนั่นก็คือ Mazda CX-30 รุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2022  ภายนอกคงเดิมตั้งแต่กระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์วิง ไฟหน้า Projector แบบ LED ทรงเรียวขึ้นรับกับ ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Signature พร้อมระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS กันชนหน้า-หลัง สีทูโทนทรงบึกบึนคิ้วขอบล้อดีไซน์ใหญ่ และล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/55 R18 ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/65 R16 ด้านท้ายเท่ด้วย ไฟท้าย LED Signature วงกลม   หลังคาซันรูฟ พร้อมสปอยเลอร์หลัง ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า โดยในรุ่น MY2022 มีการเพิ่มออพชั่นในรุ่น C กับ S เพิ่ม ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Signature กับ ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS ในชุดไฟหน้า LED , ไฟท้าย LED Signature วงกลม

    ภายในคงเดิมทุกรุ่นทั้งแผงคอนโซลหน้าเน้นแนวสปอร์ตบุผิวสัมผัส ใช้งานง่ายตั้งแต่แผงช่องแอร์ซ้าย-ขวาออกแบบใกล้แผงมาตรวัด จอสัมผัสขนาดใหญ่ Widescreen 8.8 นิ้ว ตรงกลางแผงคอนโซล พร้อม Apple CarPlay พร้อมระบบความบันเทิง Mazda Connect infotainment system ผ่านปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ติดตั้งลำโพง สูงสุด 12 จุดจาก Bose พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง มาตรวัดดิจิตอลแบบ TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่สีบนกระจกหน้า ปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกันเพิ่มความอเนกประสงค์ขึ้นอีกระดับ

    Mazda

     

    ขุมพลังยังคงเดิมกับเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร PE-VPS 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 213 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด * พร้อม Paddle Shift (*ออพชั่นใหม่ในรุ่น S และเป็นออพชั่นมาตรฐานเดิมในรุ่น SP) ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับ E85

    พร้อมระบบความปลอดภัยทั้ง ระบบควบคุมแรงบิดให้เหมาะสมในขณะเข้าโค้ง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC+) และ i-Activsense โดยในรุ่น MY2022 มีการปรับปรุงระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support) โดยสามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม.ในรุ่น SP ส่วนรุ่น C กับ S ยังคงเดิม ส่วนระบบอื่นๆคงเดิมทั้ง กล้องรอบคัน 360 องศา (360 ̊ View Monitor), เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring), เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control), เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support), ช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse), ช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Rear Crossing), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System), เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) และช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)

    พร้อมออพชั่นพื้นฐานทั้ง ถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด รวมถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ, ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC (Dynamic Stability Control), ช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist), กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง, สัญญาณไฟกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน ESS (Emergency Signal System), เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า-หลังรอบคัน และ เบรก ABS 4 ล้อ พร้อม EBD โดยในรุ่น MY2022 รุ่น C เพิ่มเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลังกับกล้องมองหลัง และรุ่น S เพิ่มเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าจากเดิมมีแค่ด้านหลัง

    Mazda CX-30 MY2022 มีการเพิ่มสีใหม่คือสีบรอนซ์ Platinum Quartz พร้อมสีเดิมอีก 6 สี ทั้ง สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver) และ สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black) ส่วนการเปิดตัวจะเปิดตัวเร็วๆนี้ภายในไตรมาส 1 และค่าตัวอาจมีการปรับเพิ่มและคงที่ในบางรุ่น

    – รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท อาจปรับเพิ่ม 20,000 บาท เป็น 1,009,000 บาท

    – รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท อาจปรับเพิ่ม 20,000 บาท เป็น 1,119,000 บาท

    – รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท ราคาอาจคงเดิม

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts