ตลาดรถยนต์คอมแพ็คในเมืองไทยในปัจจุบันต่างฟาดฟันหวังแย่งชิงลูกค้าที่ชื่นชอบในเรื่องความลงตัวของตัวรถความสปอร์ตและความแรงในคันเดียว
โดยปัจจุบันมีเพียงค่ายรถยนต์ 3 เจ้าจากแดนปลาดิบที่ยังยืนหยัดยืนยงกับตลาดรถยนต์คอมแพ็คหรือ C-Car มายาวนาน โดยเมื่อปีกลายมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อ Honda Civic FE เปิดตัวอย่างเป็นทางการในร่างเจน 11 ก็สร้างยอดขายเป็นอันดับ 1 กลายเป็นเก๋งคอมแพ็คขวัญใจมหาชนไปโดยปริยาย จนวันนี้ Toyota อดีตแชมป์รถเก๋งขอสู้ยิบตาอีกครั้งกับการปรับโฉม Toyota Corolla Altis ที่งานนี้ปรับในรุ่นแต่ง GR Sport และครั้งนี้ Car2Day จึงขอเปรียบเทียบรถยนต์คอมแพ็คคาร์สองรุ่นท็อปสุด เครื่องยนต์สันดาป ทั้ง Toyota Corolla Altis GR Sport และ Honda Civic RS Turbo เริ่มกันที่
Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift เป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 2 ปี กับร่างเจนที่ 12 ปรับหน้าตาปรับความหล่อแบบเดียวกับสเปคจีนและไต้หวัน กระจังหน้าทรงสปอร์ตตกแต่งด้วยสีดำ กันชนหน้าออกแบบใหม่พร้อมสเกิร์ตในตัว ชุดแต่งสเกิร์ตด้านข้างและด้านหลัง ไฟตัดหมอกหน้า LED ออกแบบใหม่ ล้ออัลลอยออกแบบใหม่ 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/45 R17 และโลโก้ GR Sport ติดท้ายรถ พร้อมไฟหน้า Bi-Beam LED ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights ในโคมเดียวกัน และไฟท้าย LED ถึงแม้จะไม่มีสปอยเลอร์หลังติดฝาประโปรงท้ายเสริมความเข้ม
ด้านแชมป์เก๋งคอมแพ็คอย่าง Honda Civic Turbo RS ยังได้เปรียบกว่า Altis GR Sport ด้วยตัวรถที่ใหม่หมด เจน 11 ยกระดับความเท่แบบเอกซ์คลูซีฟรอบคันเริ่มที่ กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ สปอร์ตพร้อมสัญลักษณ์ RS ชุดไฟ LED รอบคันตั้งแต่ ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้าย แบบ C Line กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว มือจับประตู เสาอากาศครีบฉลาม สปอยเลอร์หลังดีไซน์เฉี่ยว และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50R17 ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งหมด พร้อมท่อไอเสียแบบคู่ และกระจกแบบโอเปร่าให้ความหรูคล้ายรถยุโรป
มิติตัวรถ
ถึงแม้รถสองรุ่นจะมีขนาดที่ใกล้เคียงกันแต่เมื่อนำมาเทียบกันจะพบว่า Honda Civic Turbo RS ให้ความใหญ่โตกว่า Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift เริ่มที่ความยาวทาง Civic ยาวกว่า Altis 43 มม. กว้างกว่า Altis 22 มม. ฐานล้อ Civic ยาวกว่า 33 มม. แต่ทาง Altis กลับได้เปรียบในเรื่องความสูง สูงกว่า Civic 20 มม. ความสูงใต้ท้องรถสูงกว่า Civic 2 มม. น้ำหนักรถมากกว่า Civic 36 กก. และความจุถังน้ำมันมากกว่า Civic 3 ลิตร
ภายในเท่ไม่แพ้ภายนอก
ถึงจะเป็นการปรับโฉมแต่ข้าวของให้มาเท่ากันๆเริ่มที่ Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift สะท้อนความสปอร์ต ด้วย เบาะหนังคู่หน้าแถบแดงดีไซน์สปอร์ตพร้อมโลโก้ GR พร้อมพนักพิงศีรษะ ปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR พร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ช่องเสียบ USB แบบ Type C ในช่องเก็บของคอนโซลกลาง, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบเปลี่ยนสีบนกระจกหน้ารถ Head Up Display, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support) และออพชั่นเดิมทั้ง มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อม MID 7 นิ้ว หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) กับเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning System) ส่วนที่เหนือกว่า Honda Civic Turbo RS นั่นคือ ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง (Rear Air Conditioning) เบาะนั่งหลังพับได้แบบ 60:40 ม่านบังแดดหลัง และเครื่องปรับอากาศถึงแม้จะไม่แยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา เหมือน Civic Turbo แต่ให้ระบบกรองอากศภายในห้องโดยสารมา
ทางด้าน Honda Civic Turbo RS อาจจะขาดเบาะหลังพับไม่ได้ ช่องแอร์ด้านหลัง ม่านบังแดดหลัง ไม่มีไฟส่องกระจกที่บังแดดหน้าและกระจกไฟฟ้าขึ้นลง Auto คู่หน้า แต่ทุกอย่างที่ให้มาเกือบเท่า Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift เริ่มที่แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่าย ช่องแอร์เป็นแนวยาวในช่องคอนโซลกลาง ปุ่ม Push Start พร้อมควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card แบบการ์ด ง่ายดายในการล็อกและปลดล็อก เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา จอสัมผัส 9 นิ้ว แบบลอยเหนือคอนโซลหน้า Advanced Touch เชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ระบบชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging มาตรวัดดิจิทัลพร้อมระบบแสดงข้อมูล TFT 10.2 นิ้ว เน้นหรูกึ่งสปอร์ตด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ ผิวสัมผัสหุ้มหนัง ตกแต่งสีดำเปียโนแบล็ก ระบบ Push Start พวงมาลัยมัลติฟงัก์ชั่น 3 ก้าน ช่องเชื่อมต่อ USB จํานวน 4 ช่อง และ Honda Connect สามารถเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน และเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) กับ Auto Brake Hold
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ต่างคนต่างขิง
ถึงจะปรับโฉมให้หล่อเทียบเท่ากับ Honda Civic Turbo RS แต่เครื่องยนต์ที่มาประจำการใน Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift ยังใช้ขุมพลังเดิมมาตั้งแต่ปี 2019 กับเครื่องยนต์เบนซิน DUAL VVT-I 1.8 ลิตร 2ZR-FBE 140 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 177 นิวตัมเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVTi 7 สปีดพร้อม Sequential Shift พร้อม Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย โดยสามารถเติมน้ำมันสูงสุด E85 และสเปคเครื่องมีกำลังอัด 10.0:1 ส่วนเส้นผ่าศูนย์กลางกระบอกสูบและช่วงชักยังเท่าเดิมคือ 80.5 มม. X 88.3 มม.
ในขณะที่ Honda Civic Turbo RS ถึงความจุน้อยกว่า Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift 300 ซีซี กับขนาด 1.5 ลิตร เบนซินเทอร์โบ VTEC Turbo ในรหัส L15BG แต่ให้กำลังมากกว่าถึง 178 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตัมเมตร ที่ 1,700-4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมดตั้งแต่โหมด ECO Normal และ Sport พร้อม Paddle Shift ตัวเครื่องมีการปรับกำลังอัดลดลงเหลือ 10.3 :1 ส่วนเส้นผ่าศูนย์กลางกระบอกสูบและช่วงชักยังเท่าเดิมคือ 73.0 มม. X 89.5 มม. และรองรับน้ำมันถึง E85 รวมถึงเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นเดียวกับ Altis GR Sport
การปล่อยไอเสีย CO2 เพียง 150 กรัม/กิโลเมตร Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift และ 139 กรัม/กิโลเมตรสำหรับ Honda Civic Turbo RS ด้านระบบกันสะเทือนทั้งสองรุ่นเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ โดยที่ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังทั้งคู่ก็อิสระเช่นกันแต่ Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift เป็นแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมเหล็กกันโคลง และ Honda Civic Turbo RS เป็นแบบ อิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง
Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift มีการปรับเซ็ตช่วงล่างใหม่โดยปรับในส่วน คอยล์สปริง ช็อคแอบซอร์บเบอร์ พร้อมเหล็กกันโคลงด้านหลังหรือ Rear Bar Stabilizer เน้นความสปอร์ต หนักแน่น มั่นคงแม่นยำขึ้น ให้ความรู้สึกมั่นใจขึ้น ส่วนพวงมาลัยพาวเวอร์ทั้ง 2 รุ่นเป็นแบบไฟฟ้า โดยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเท่ากัน 5.4 เมตร
ความปลอดภัยจัดเต็มทั้งคู่
ในเมื่อปรับโฉมแล้ว Toyota Corolla Altis GR Sport ก็พร้อมให้ความปลอดภัยเต็มพิกัดด้วยระบบเซฟตี้พื้นฐานทั้ง Back Guide Monitor กล้องมองภาพขณะถอยหลัง, Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยรถ, Hill-start Assist Control ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, Blind Spot Monitor ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง, Back Sonar สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ, Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรี, Vehicle Stability Control ควบคุมการทรงตัว, ถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่งรวมใต้เข่าคนขับ และครั้งนี้เพิ่ม TOYOTA SAFETY SENSE มาให้เป็นครั้งแรกของ Altis เครื่องสันดาป 1.8 ทั้ง Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed ควบคุมและปรับลดระดับความเร็วได้ถึง 0 กม./ชม. และสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีรถขวางหน้า พร้อม Lane Tracing Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, PRE-COLLISION SYSTEM ความปลอดภัยก่อนการชน, LANE DEPARTURE ALERT WITH STEERING ASSIST เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ, AUTOMATIC HIGH BEAMS ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS และระบบไฟ่ส่องทางเข้า Illuminate entry system
ส่วน Honda Civic Turbo RS ติตตั้งความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ที่ทํางานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้ง เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่า (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) พร้อมความปลอดภัยที่เพิ่มมาทั้ง เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดง ข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานประจำรถทั้ง ช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และกระจายแรงเบรก (EBD) ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS) และแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) และ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder)
ราคาและสีภายนอกรถ
Toyota Corolla Altis GR Sport Facelift มีสีภายนอกให้เลือก 3 สี ตามแนวคิด GR คือ สีขาวมุก Platinum White Pearl (เพิ่มเงิน 10,000 บาท), สีแดง Red Mica Metallic, และสีดำ Attitude Black Mica กับ รุ่น 1.8 GR Sport ราคา 1,059,000 บาท
ทางด้าน Honda Civic Turbo RS มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก), สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก), สีขาวแพลทินัม (มุก) (เพิ่มเงิน 10,000 บาท) , สีดำคริสตัล (มุก), สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีภายใน สีดำ กับค่าตัว 1,199,900 บาท
ด้วยส่วนต่าง 140,000 บาท กับการปรับโฉม Toyota Corolla Altis GR Sport เครื่องเบนซินอัพออพชั่นจัดเต็มความปลอดภัยมากขึ้น แต่ด้วยความใหม่สดของหน้าตาบอดี้ก็ต้องยกให้ Honda Civic Turbo RS แม้จะได้เปรียบที่ขุมพลังติดหอยเฉียดๆ 180 ม้า ที่ให้ความจัดจ้านทันใจกว่า Altis แต่ก็มาเสียท่าตรงออพชั่นความสบายข้างหลังที่ให้ไม่ครบเหมือน Altis แต่ความนิยมและต่อยอดการตกแต่งก็ต้องยกให้กับ Civic อยู่ดี ฉะนั้น การสัมผัส ทดลองขับ และความต้องการเบื่องต้นของคุณเป็นปัจจัยต้นๆที่ทำให้สามารถตัดสินใจจรดปากกาเซ็นต์ใบจองรถได้เร็วขึ้น ขอให้โชคดีในการตัดสินใจเลือกคู่หูสักคันนะครับ