More

    BYD Dolphin VS MG4 Electric สองรุ่นเด่นพลังอีวีแห่งแดนมังกร

    ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทำให้ลูกค้าตัดสินใจในการเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นจากการแนะนำรุ่นใหม่ๆหลายค่ายผนวกกับมาตรการภาครัฐที่สนับสนุน

    BYD

    ทำให้ทุกวันนี้บนท้องถนนทุกสายเห็นแต่รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งเป็นจำนวนมากและด้วยราคาที่จับต้องได้จากการสนับสนุนจนไล่เลี่ยใกล้เคียงกับค่าตัวกลุ่มรถยนต์เครื่องสันดาปจนลูกค้าตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดีอย่างล่าสุดค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากเมืองจีนอย่าง BYD ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเจ้าโลมาน้อยอย่าง BYD Dolphin อย่างเป็นทางการในราคา 699,999-859,999 บาท ทำให้คู่แข่งร่วมชาติอย่าง MG และเจ้าอื่นๆต้องใช้วิทยายุทธหลายร้อยวิธีในการสู้รบกับ BYD เรียกว่าขยี้กันแบบจัดเต็มและครั้งนี้ทาง Car2Day จับเจ้า Electric Sub Compact Car ทั้ง BYD Dolphin รุ่นท็อป Extended Range และ MG4 Electric รุ่นท็อป X มาเปรียบเทียบกันว่าจะเด่นหรือด้อยกันในแต่ละจุด

    Design & Exterior

    BYD

    เจ้าโลมาน้อยอย่าง BYD Dolphin Extended Range ปรับหน้าตาปรับมาดให้ดูดีมีสีสันขึ้นตั้งแต่ไฟหน้า LED พร้อมไฟ Daytime แบบ LED กับกระจังหน้าทรงทึบติดตราตัวอักษร BYD ที่จับประตูดีไซน์ยกก้าน กระจกมองข้างมทรงสปูนปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อม Heated Mirror สำหรับหลังคากระจกยาวแบบติดตายตัวไม่สไลด์หรือกระดกตัวหลังคาขึ้นได้ Panoramic Roof ไฟท้าย LED ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง ล้อและยางขนาดใหญ่ 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/50 R17 โดยจะมีด้วยกันถึงสองลายขึ้นอยู่กับสีภายนอกรถ

    MG

    ทางด้าน MG4 Electric รุ่น X จำหน่ายมาจะเกือบปีแต่ยังหล่อตั้งแต่ไฟหน้า LED ดีไซน์หกเหลี่ยม LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS พร้อมไฟ DRL แบบ LED กับกระจังหน้าดีไซน์ ‘shark-nosed’และเส้นแนวตั้ง 2 เส้น Fins รวมอยู่ด้วย โดยรวมด้านหน้ามาในแบบรูปตัว X ล้ออัลลอยและฝาครอบล้อแบบ AERO WHEEL COVER ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R17 หลังคาแบบทูโทนพร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING ไฟท้าย LED แนวตั้งพาดยาวครอบทั้งฝาท้ายแบบลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT พร้อมกันชนหลังทรงสปอร์ต แต่เสียดายตรงที่ไม่มีที่ปัดน้ำฝนด้านหลังเหมือน Dolphin และหลังคารถแบบ Panoramic Roof

    Dimension

    BYDMG

    BYD

    ถึงจะเป็นรถท้ายตัด Sub Compact Hatchback 5 ประตู แต่สไตล์คนละแบบและเมื่อดูจากทุกส่วนของตัวรถทั้งสองค้นพบว่า BYD Dolphin ได้เปรียบเกือบทุกส่วนเมื่อเทียบกับ MG4  ตั้งแต่ความยาวมากกว่า MG4  3 มม. สูงกว่า MG4 เพียง 54 มม. ความสูงใต้ท้องรถสูงกว่า MG4 13 มม. และน้ำหนักรถหนักกว่า MG4 8 กก. แต่บางส่วน MG4 กลับเหนือกว่าในส่วนความกว้างๆกว่า BYD Dolphin 66 มม. และฐานล้อกว้างกว่า Dolphin 5 มม.

    Interior & Convenience

    BYDBYDBYD Dolphin Extended Range ใช้งานง่ายเป็นมิตรกับผู้ขับขี่เพราะการจัดวางฟังก์ชันต่างๆคล้ายรถเครื่องยนต์สันดาปเกือบทั้งหมด เริ่มที่กุญแจแบบคีย์การ์ดพร้อมระบบ Keyless Start พร้อมปุ่ม Push Start ที่มีกลไกการล็อกมากถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ การล็อกและปลดล็อกด้วยกุญแจรีโมท, บัตร NFC, BYD Application, กุญแจไข และแบบไม่มีกุญแจ (Keyless Entry)

    เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ที่มองเห็นชัดเจน รวมถึงการใช้โทนสีทั้งสีดำ-เทา, สีชมพู-เทา และสีน้ำเงิน-เทา ทั้งสามสีโทนภายในขึ้นอยู่กับสีภายนอกตัวรถกว้างสบายแบบ 5 ที่นั่งดูล้ำสมัยมาพร้อม Bucket Seat ทรงสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน มือจับเปิดประตูออกแบบคล้ายครีบของโลมาจอในส่วนของอุปกรณ์ Infotainment ใหญ่เต็มตาด้วยขนาด 12.8 นิ้วแบบปรับหมุนจอได้เชื่อมต่อได้แค่ Apple CarPlay แบบมีสายแต่ไม่มี Android Auto พร้อมลำโพง 6 จุด มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว ประเมินผลข้อมูลระดับพลังงานและความเร็วแบบเรียลไทม์ และมีที่ชาร์จไร้สาย Wireless Charger

    เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าโดยฝั่งคนขับปรับ 6 ทิศทางและคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง เบาะหลังสามารถพับได้ในอัตราส่วน 40:60 มีพื้นที่มากถึง 1,310 ลิตรในกรณีพับเบาะแต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 345 ลิตร มีแป้นเกียร์ดีไซน์เก๋ ติดตำแหน่งใต้จอสัมผัสแบบ Finger-Touched Electronic Shift เครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter และมีเสียงดนตรีที่มีการออกแบบสัญญาณเสียงที่จำลองมาจากทะเล

    MG

    ส่วน MG4 รุ่น X ภายในเรียบง่ายมีสไตล์ใช้งานค่อนข้างยากโดยเฉพาะการสตาร์ทเพราะใช้ระบบเหยียบเบรกเพื่อสตาร์ทรถเรียกกันว่า Smart Power หรือ Intelligent Smart Access แต่ออปชันให้เหนือกว่าเจ้าโลมาทั้งกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ จอสัมผัสพร้อมลำโพง 6 จุด รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto แต่ Dolphin รองรับแค่ Apple CarPlay เท่านั้น พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C แต่ MG4 เสียบเปรียบตรงที่เบาะไฟฟ้าให้มาแค่ฝั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนคนนั่งปรับ 4 ทิศทางแบบกลไกธรรมดาเบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40 มีพื้นที่ 363 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะ

    MG

    พร้อมออปชันประจำรถทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทางมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) จอสัมผัสแนวนอนขนาด 10.25 นิ้ว ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศดิจิตอล พร้อมกรองอากาศ PM2.5 มีที่ชาร์จไร้สาย Wireless Charger เกียร์ Auto มาแบบปุ่มหมุนมองเห็นชุดเจนพร้อมเบรกมือไฟฟ้าแต่ Auto Vehicle Hold หรือ Auto Hold ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างนั้นต้องไปปรับที่จอซึ่งสร้างความยุ่งยากในการใช่งาน

    และระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ตรวจเช็กสถานะแบตเตอรี่และการชาร์จ ค้นหาสถานีชาร์จ มีฟีเจอร์ BATTERY DOCTOR บันทึกและวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานแถมสั่งการอัจฉริยะ (Smart Command) และเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connect)

    Power & Transmission

    BYDBYD

    BYD Dolphin Extended Range ใช้ความจุแบตใหญ่ขึ้นเป็น 60.48 kWh เป็นแบตเตอรี่แบบ BYD Blade Battery (LFP)  ซึ่งความจุแบตเทียบเท่ากับ BYD ATTO 3 แรงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7 วินาที วิ่งไกลสุด 490 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ชาร์จผ่านไฟ DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 kW ในรูปแบบ Fast Charging จาก 30-80% ในเวลา 29 นาที และไฟ AC รองรับสูงสุด 7 kW จาก 0-100% ใช้เวลา 9 ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว permanent magnet synchronous motor พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่ สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport พร้อมระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)

    MG

    ส่วน MG4 Electric เป็นมอเตอรไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง 170 แรงม้าที่  6,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,000-3,500 รอบ/นาที จากความจุแบตเตอรี่ 51 kWh วิ่งไกลสุด 425 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge โดยชาร์จแบบเร็ว Quick Charge DC กระแสตรง ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 88 kWh และชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge AC กระแสสลับ ผ่าน MG Home Charger 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8.30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kWรั้ง (NEDC)

    MG

    โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction พร้อมช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะชะลอรถด้วยระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)

    โดยทั้งสองรุ่นนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดย BYD Dolphin และ MG4 Electric จ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w ทั้งคู่

    Handling & Ride

    BYD

    การขับขี่ของเจ้า BYD Dolphin Extended Range ยอมรับเลยว่าใกล้เคียงกับพี่ใหญ่ BYD ATTO 3  เพราะทั้งคู่ให้การขับขี่ใกล้เคียงกับรถสันดาปแทบไม่ต้องวิตกอะไรแต่ขับเนียนกว่ารุ่นพี่อย่าง ATTO 3 เสียด้วยซ้ำ การขับขี่มีสามโหมดเลือกได้ตามใจชอบพุ่งแรงด้วยโหมด Power พอที่จะทะยานพาคุณไปอย่างรวดเร็วกับพลัง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ความดีของช่วงล่างอิสระ 4 ล้อเน้นการเกาะถนนที่ดีนุ่มนั่งสบาย น้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักดีเหมาะมือคุณผู้หญิงเป็นอย่างมากวิ่งรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.25 ม.ช่วยในการเลี้ยวกลับรถขึ้นลงห้างได้อย่างคล่องตัว

    MG

    แต่ MG4 Electric รุ่น X ช่วงล่างอิสระสี่ล้อเซตมาแบบกระด้างเพราะดีไซน์มาเน้นความสปอร์ต พวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักออกจะวาบๆในย่านความเร็วสูงระยะฟรีออกไวไปบ้าง ไม่ค่อยจะคมแต่ก็เน้นความสบายถึงแม้จะปรับน้ำหนักได้ถึงสามแบบก็ตาม กำลังไฟฟ้าอาจน้อยกว่าเจ้าโลมาถึง 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร แต่ยังให้ความสนุกสนานและด้วยเป็นขับรถหลังจึงให้ความสนุกกว่าเจ้าโลมาเลยทีเดียว

    Safety & Feature

    BYD

    BYD Dolphin Extended Range ความปลอดภัยครบครันด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงประกอบด้วย

    – ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and go

    – ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)

    – ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)

    – ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)

    – ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS)

    – ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW)

    – ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)

    – ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB)

    – ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)

    – ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA)

    – ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW)

    – ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)

    พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมนิรภัย 6 จุด, ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS), จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX, เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ, เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC), ป้องกันการลื่นไถล (TCS), ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

    MGทางด้าน MG4 Electric รุ่น X ไม่น้อยหน้าด้วยความปลอดภัยมาตรฐาน ได้แก่

    – ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)

    – ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)

    – ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) ผสานรวมระบบ LDP (Lane Departure Prevention) LKA (Lane Keep Assist) และ ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน

    – ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)

    – ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)

    – ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)

    – ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)

    – ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

    – ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)

    – ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)

    – เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)

    – ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)

    – ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

    จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และ ม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)

    ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME), ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ,ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control), ป้องกันล้อหมุนฟรีกับควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System), ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist), สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)

    Price & Color

    BYDBYD Dolphin Extended Range ขายในราคา 859,999 บาท เป็นราคาที่สนับสนุนของภาครัฐ มีตัวเลือกภายนอกทูโทน 4 สี ได้แก่

    – สีชมพู/ สีเทา (Coral Pink + Atlantis Grey)

    – สีฟ้า/ สีเทา (Atoll Blue + Atlantis Grey)

    – สีเทา/ สีดำ (Atlantis Grey + Pebble Black)

    – สีขาว/ สีเทา (Surge White + Atlantis Grey) และล้ออัลลอยลายพิเศษ 17 นิ้ว

    ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทนได้แก่ สีชมพู/ สีเทา (Pink + Grey) สีฟ้า/ สีเทา (Blue + Grey) สีดำ/ สีเทา (Black + Grey)

    MG4 ELECTRIC รุ่น X ราคา 969,000 บาท เป็นราคาหลังหักส่วนลดมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี คือ

    – สีฟ้า Brighton Blue

    – สีดำ Black Knight

    – สีแดง Scarlet Red

    – สีเทา Andes Grey

    – สีขาว Arctic White ทูโทนเทา-ดำ (Grey & Black)

    Verdict

    MG

    ด้วยส่วนต่างของทั้งสองรุ่นนี้อยู่ที่ 109,001 บาท กับของแถมจากผู้ผลิตที่มอบทั้งการรับประกันตัวรถกับแบตเตอรี่ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. รวมถึงสายชาร์จฉุกเฉิน Home Charger ซึ่งเกือบทุกค่ายเขาพร้อมใจดีให้ไปฟรีอย่างเช่น MG4 ให้ฟรี MG Home Charger จำนวน 1 ชุด และฟรีค่าติดตั้ง ค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม.และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) กับดอกเบี้ย 1.79% นาน 48 เดือน ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง นาน 3 ปี รวมมูลค่ากว่า 140,000 บาท

    แต่ BYD Dolphin ให้ Rêver Care สิทธิพิเศษที่สามารถออกรถเริ่มต้นเพียง 35,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.88%, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ระยะเวลา 1 ปี, การรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่ระยะเวลา 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงระยะเวลา 8 ปี ค่าจดทะเบียน, พรมเข้ารูป+กรอบป้ายทะเบียน+ฟิล์มหน้าจอแต่ไม่แถม Home Charger ต้องซื้อพร้อมติดตั้งเพียง 25,000 บาท

    ความสดใหม่ต้องให้เจ้าโลมา BYD Dophin เพราะยกมรดกการใช้งานที่สบายๆเรียบง่ายจากรุ่นพี่ BYD ATTO 3 มาเกือบหมดขับคล่องเน้นใช้ในเมืองที่ต้องยกนิ้วให้แต่ด้วยศูนย์บริการที่จำกัดอาจเกิดความล่าช้าในการซ่อม การรออะไหล่แต่ถ้าตัดประเด็นไม่แถม Home Charger ก็ถือว่าน่าใช้

    ผิดกับ MG4 Electric เป็นรถขับหลังจึงสปอร์ตกว่าเจ้าโลมา มีชาร์จประจำโชว์รูม MG กว่าร้อยแห่ง รวมถึงเป็นผู้มาก่อนกาลในเรื่องรถอีวีอาจเป็นจุดแข็งที่ MG งัดสู้ BYD แบบไม่ต้องสงสัย ทั้งความชำนาญในด้านรถอีวีให้ตรงใจผู้ใช้มากที่สุด สุดท้ายนี้ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าชอบใช้ใช้งานแบบไหน ชอบจุดไหนไม่ชอบจุดไหนแต่ถ้ายังไม่มั่นใจ การทดลองขับสัมผัสของจริงก็เป็นคำตอบที่ดีเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ง่ายขึ้น

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts