More

    GWM TANK 500 Hybrid เอสยูวีพรีเมียมเปิดรับจองที่ Motor Show

    แบรนด์รถยนต์ลำดับที่ 3 ของค่าย GWM ได้เปิดตัวเสียทีหลังจากโชว์ตัวแนะนำแบรนด์มา 1 ปี กับ GWM TANK ประเดิมรุ่นแรกนั่นคือ GWM TANK 500 Hybrid

    GWM TANK

    เอสยูวีไซซ์ยักษ์ประกอบไทยที่โรงงาน Great Wall Motor Manufacturing (Thailand) อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เป็นที่แรกของโลกที่ประกอบนอกเมืองจีน มาพร้อมรูปทรงทรงพลังบึกบึน แกร่ง แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความเรียบหรู สง่างาม ด้านหน้าเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง

    ไฟหน้า Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่นด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED บันไดข้างระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ราวหลังคา เสาอากาศแบบ shark fin ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20

    ดีไซน์ด้านหลังมาพร้อมประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกแบบ LED ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัยและสปอยเลอร์ท้าย ซึ่งช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค

    มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน มิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 5,078 มม. ความกว้าง 1,934 มม. ความสูง 1,905 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม.

    TANK

    ภายในหรูหรา กว้างขวาง สะดวกสบาย ใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยการเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP3, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่าง ๆ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า

    ลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน นาฬิกาแบบคลาสสิก เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว

    เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่  เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seat เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ

    เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ อีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย

    พื้นที่ห้องโดยสารมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome

    เปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5และชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว

    TANK

    ขุมพลังเบนซินเทอร์โบแปรผัน (VGT) Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NA หรือ รหัส GW4N20 HEV ในภาคเครื่องยนต์ได้ 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร จากพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแและแบตเตอรี่ ให้กำลังรวมมากถึง 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 616 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ

    พร้อมระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย ที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม

    และระบบ TANK Turn ที่ช่วยให้การเลี้ยวในที่แคบเป็นไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้

    TANKTANK

    GWM TANK 500 Hybrid เอสยูวีหรูมี มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO มีสีรถภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา แดง และสีใหม่ เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA)

    ส่วนสีภายในมีทั้งสีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA) โดยเปิดรับจองล่วงหน้าหรือ Pre Sale ช่วงงาน Bangkok Motor Show 2023 ตั้งแต่ 22 มีนาคม เป็นต้นไป และขายจริงช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ สอดรับกับทาง GWM ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ในไทย สามแบรนด์ในเครือขายได้ 18,000 คัน จากเดิมขายได้ 11,616 คันเมื่อช่วงปีกลาย

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts