ปีกระต่ายนี้ทาง Honda เตรียมเข็นรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเมืองไทยกันหลายรุ่นเลยทีเดียวซึ่งทางทีมงาน Car2Day ได้คาดการณ์ไว้ว่า
จะต้องเป็น Honda CR-V, Honda Accord การมาของเอสยูวีไฟฟ้า Honda e:NS1 ที่พรางตัวทดสอบไทย และอีกรุ่นที่มีแนวโน้มเข้าไทยนั่นคือ Honda WR-V มาในฐานะเอสยูวีจิ๋วน้องเล็กสุดของตระกูล
นำพื้นฐานของ Honda BR-V ยำรวมกันจนกลายเป็น 5 ที่นั่งที่โดดเด่นกะทัดรัด ยกงานดีไซน์มาจาก Honda SUV RS Concept พัฒนาทั้งคันที่เมืองไทย หน้าตาทันสมัยแตกต่างต้นแบบตั้งแต่กระจังหน้าโครเมียมผสมดำเข้มทางห้าเหลี่ยม
กลมกลืนกับไฟหน้า LED ทรงยาวเสริมด้วยไฟหรี่และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยววิ่ง Sequential LED กันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ด้านข้างมาพร้อมเส้นสายที่เหลี่ยมเฉียบคมพร้อมที่เปิดประตูหลังแบบกลมกลืนกับเสา C เสา A ไปจนถึงเสา C ที่ออกแนวสปอร์ต
หลังคาพร้อมราวหลังคาดีไซน์เฉียบ ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 R16 และขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 215/55 R17 ในรุ่น RS พร้อมซุ้มล้อทรงบึกบึน ไฟท้ายแบบ LED
กันชนหลังที่เสริมแผงทับทิม เสริมชายล่างตกแต่งสีเงิน ขนาดตัวรถกะทัดรัดตั้งแต่ตความยาว 4,060 มม. ความกว้าง 1,780 มม. ความสูง 1,608 มม. ฐานล้อ 2,485 มม.
ภายในยกพื้นฐานจาก Honda BR-V มาพัฒนาให้ห้องโดยสารเล็กลงเป็นแบบ 5 ที่นั่งสามารถพับได้แบบ 60/40 ฝั่งคนขับปรับสูง/ต่ำได้ ตัวเบาะในรุ่น RSหุ้มด้วยหนังทรงสปอร์ตสีทูโทนดำ/แดง เดินด้ายแดง ออปชันเด่นตั้งแต่แผงคอนโซลหน้า มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ MID แบบ TFT 4.2 นิ้ว
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านตกแต่งสีเงิน ไฟส่องแผนที่ แผงตกแต่งแอร์ออโต้สีเงิน หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 7 นิ้ว Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
ช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่งและ 3 ตำแหน่ง ลำโพง 4 ตำแหน่งและ 6 ตำแหน่ง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติให้ความเย็นรอบคัน กุญแจแบบ Smart Key ที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start Push Start เสริมฟังก์ชันอื่นๆทั้ง แผงบังแดดเสริมด้วยกระจกและไฟส่องสว่างช่องชาร์จแบตแบบ 12 โวลต์สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2
ขุมพลังยกมาจาก Honda BR-V กับเบนซิน I-VTEC 1.5 ลิตร L15ZF 121 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิด 145 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ CVT
พร้อมความปลอดภัย Honda Sensing ทุกรุ่นตั้งแต่ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
ความปลอดภัยพื้นฐานอาทิระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็วรถ (Auto Door Lock By Speed) กล้องส่องภาพด้านหลัง สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
ป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD) โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)และถุงลมนิรภัย 4 จุดและ 6 จุดรอบคัน
Honda WR-V เจเนอเรชันที่สองมีสีภายนอก 5 สีทั้งสีขาว Taffeta White สีดำ Crystal Black Pearl สีเงิน Stellar Diamond Pearl สีเทา Meteoroid Gray Metallic และสีแดง Ignited Red Metallic (มีหลังคาดำให้เลือก)
มีลุ้นเข้าไทยอาจเป็นช่วงงาน Bangkok Motor Show 2023 หรือไม่ต้องติดตาม ด้านราคาจำหน่ายถ้าอ้างอิงจากอินโดนีเซีย ราคาจะอยู่ราวๆ 655,000-749,000 บาท
