ไม่ธรรมดาจริงๆสำหรับ ISUZU ค่ายรถยนต์ยอดนิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ISUZU D-MAX ปิกอัพขวัญใจมหาชนชาวไทยครองมายาวนานจนขึ้นอันดับ 1 กลุ่มรถปิกอัพ
โดยในปี 2022 ทีผ่านมาครองอันดับ 1 มาตลอดด้วยยอดขาย 175,425 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 45.2% จากตัวเลขกลุ่มปิกอัพตลอดปีทำได้ 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7% สาเหตุส่วนหนึ่งที่ ISUZU D-MAX ขายดีด้วยความเป็นปิกอัพที่ อึด ถึก ทน ประหยัดจากขุมพลังอันเป็นตำนาน เป็นรถปิกอัพที่ให้ความสบาย ความปลอดภัย ที่ไม่น้อยหน้าใคร ราคาขายทั้งป้ายแดง มือสอง คุ้มค่าในการซื้อมาครอบครอง
และเป็นประจำทุกปีที่ ISUZU D-MAX ปรับลุค ปรับหน้าตา ปรับให้หล่อจนโดนใจสิงห์รถปิกอัพรุ่นใหม่และเหล่าประชาคมชาวอีซูซุที่ภักดีแบรนด์มากว่า 65 ปี และได้เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY2023 ออกมาภายใต้ชื่อ ISUZU D-MAX MAGIC EYEs ซึ่งครั้งนี้ นำรุ่นท็อปสุดของตระกูล D-MAX มารีวิวทดสอบกันนั่นคือ ISUZU V-Cross 4×4 MAGIC EYEs รุ่น 4 ประตู 3.0 M
Design & Exterior
หล่อเดิมเข้มเดิมด้วยกระจังหน้า Double Dimensions แบบเขี้ยวกุด 2 ชั้นพร้อมตราโลโก้ ISUZU ทูโทนสีเทาดำ และ Black Chrome ออกแนวสีทองเท่สปอร์ต เสริมหล่อด้วยการด์เสริมดีไซน์เดิม สีเทาดำ ล้ออัลลอย หรูลักชัวรี่สีดำด้าน Matte Black 18×7.5J พร้อมยางขนาด 265/60 R18 ของ Bridgestone Dueler HT 684 II
ไฟหน้า Bi-LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Multifunctional Daylight แบบ Built-in พร้อมเป็นไฟหรี่ในเวลากลางคืนและไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟท้าย LED แบบคู่หรือ Dual-Sonic LED มามาดโหดโทนสีเข้ม และชุดแต่งสีเทาดำรอบคันที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง คิ้วขอบล้อ Fender Lip คิ้วเสริมขอบกระบะท้าย Robust Extender พร้อมไลเนอร์ปูกระบะ ครบครันความเข้มเต็มรูปแบบ
ตัวรถขนาดใหญ่ตั้งแต่ความยาว 5,265 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,870 มิลลิเมตร ความสูง 1,810 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้าและล้อหลังเท่ากัน 1,570 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 240 มิลลิเมตร. น้ำหนักรถ 2,000 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร มิติกระบะท้ายนั้นมีขนาดพอดีตั้งแต่ ความยาว 1,495 มิลลิเมตร กว้าง 1,530 มิลลิเมตร ความสูงในกระบะท้าย 490 มิลลิเมตร
Interior & Convenience
ภายในเหมือนเดิมปรับลุคส์ปรับอารมณ์ให้เข้มด้วยเบาะคู่หน้าเดินด้ายสีน้ำตาลสามารถซับแรงสั่นสะเทือนลดความเมื่อยล้า กับเทคโนโลยี AVEC (Anti Vibration Elastic Comfort) นั่งสบาย ให้ความรื่นรมย์ในการเดินทาง ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งคนขับ มี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อนในตัวเบาะ เบาะนั่งด้านหลังหุ้มหนังแบบเดียวกับด้านหน้าโดยพับได้ทั้งส่วนตัวเบาะและที่รองนั่งแบบ 60/40 สามารถวางของได้รองรับที่นั่งเด็ก ISOFIX ด้วยขึ้นลงสะดวกด้วยราวจับถึง 8 จุด
หลังคารถขึ้นรูปผ้ากะมะหยี่สีดำมีไฟส่องแผนที่กับกล่องแว่นตาและไมโครโฟนสำหรับการสนทนาผ่านทาง Bluetooth และมีที่แผงบังแดดคู่หน้าติดตั้งกระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่างมาถึง 2 จุด เอาใจสาวแกร่งมาขับรถปิกอัพเป็นครั้งแรกแต่คนหล่อก็ส่องแต่งเท่ได้ติดตั้งระบบยกเลิกการทำงานถุงลมนิรภัยด้านผู้โดยสารด้านหน้าสำหรับการติดตั้งที่นั่งคาร์ซีทในเบาะโดยสาร ไฟเตือนอยู่ที่ด้านข้างคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารด้วยการไขกุญแจยกเลิกการทำงาน
คอนโซลหน้าสีดำหุ้มหนังสัมผัสดำแผงข้างประตูมาพร้อมวัสดุตกแต่งพรีเมียมสีน้ำตาล Brown Cafe และ สีเงิน Satin Silver พร้อมระบบความบันเทิงสมบูรณ์ด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว คมชัดระดับ HD รองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง 8 ลำโพง แต่เสียดายว่าไม่มีระบบนำทางในตัวแล้วเพราะคนส่วนมากหันมาใช้ Google Map แล้วมาตรวัดเรืองแสงพร้อม Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้วตัดระบบการเชื่อมต่อเพลงและแผนที่ออกไป แผงควบคุมระบบปรับอากาศ Piano Touch พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปรับระดับได้ 4 ทิศทางหุ้มหนังดำน้ำตาลเดินด้ายอย่างประณีต ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจแบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Keyless Entry ที่ก้านประตู
พร้อมฟังก์ชัน Remote Engine Start สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทในระยะ 20 เมตรพร้อมเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมกันฝุ่น PM2.5 พร้อมช่องแอร์ด้านหลังมีเสียบชาร์จสมาร์ทโฟน USB 2 จุด ทั้งหน้าใต้คอนโซลกลาง(มีช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์) ยังมีฟังก์ชันเอาใจคนรักความสะดวกสบายด้วยไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร Welcome Light ล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อเดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร Walk Away Auto Lock เปิดไฟส่องสว่างได้นาน 30 วินาที หลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร และกระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร
Engine & Transmission
ขุมพลังดีเซลแรงสะใจด้วยพลังดีเซลเทอร์โบแปรผัน ไฟฟ้า E-VGS Turbo รุ่น 4JJ3-TCX 3.0 ลิตร 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที มีกำลังอัด 16.3:1 ส่วนเส้นผ่าศูนย์กลางกระบอกสูบและช่วงชักคือ 95.4 มิลลิเมตร X 104.9 มิลลิเมตร การปล่อยไอเสีย CO2 เพียง 186 กรัม/กิโลเมตร
พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Rev Tronic รุ่น AWR6B45-II ด้วยอัตราทดเกียร์ เกียร์ 1= 3.600, เกียร์ 2 = 2.090, เกียร์ 3 = 1.488, เกียร์ 4 = 1.000, เกียร์ 5 = 0.687, เกียร์ 6 = 0.580, เกียร์ถอยหลัง = 3.732 อัตราทดเฟืองท้าย = 3.727 (อัตราทดเกียร์ 4L = 2.482 แล 4H = 1.000) พ่วงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time Shift-On-The-Fly ควบคุมด้วยไฟฟ้า Terrain Command เฟืองท้ายแบบ Electronic Diff-lock ควบคุมด้วยไฟฟ้ามั่นใจในการพิชิตทุกอุปสรรคลุยน้ำสูงสุด 800 มิลลิเมตร
Handling & Ride
ถึงเจเนอเรชันที่ 3 จะทำตลาดมาเกือบ 4 ปี ถึงจะขับมาหลายครั้งแต่บุคลิกที่ขับสนุก ตอบสนองดี กระฉับกระเฉงดีเยี่ยมขณะออกตัวและความเร็วสูงๆ คลิ๊กดาวน์เรียกกำลังไม่มีอาการหน่วงในทางเรียบแม้กระทั่งเส้นทางขึ้นลงทางชันที่โหด อาการ Engine Brake ที่จะคอยดึงกำลังของเครื่องยนต์ช่วงความเร็วลดลงมาถึง 60 กม./ชม. มีดึงบ้าง รอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 90-120 กม./ชม.ทำผลงานไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที และแต่ละช่วงความเร็วมาแบบเร็วติดปีกตั้งแต่ 1,300, 1,450, 1,550 และ 1,750 รอบ/นาที และเสียงเครื่องยนต์เงียบกว่าเดิมในช่วงรอบต่ำจนถึงขับปกติ 60-120 กม./ชม.เพราะออกแบบฉนวนกันเสียงรบกวนที่หนาขึ้นกว่าเดิม
พื้นฐานของเครื่องยนต์ 4JJ3-TCX มีอัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์ที่ลดลง ห้องเผาไหม้ออกแบบใหม่แบบ Optimum Combustion Shape ช่วยให้น้ำผสมกับอากาศได้ดีขึ้น, เทอร์โบแปรผันปรับไฟฟ้า E-VGS TURBO ตั้งอัตราการบูสท์ไว้เท่าเดิมคือ 1.7 บาร์ หรือประมาณ 24 ปอนด์ กล่อง ECM ประมวลผลแม่นยำยิ่งขึ้นแบบ Multi-core, สลักลูกสูบเคลือบสารพิเศษ Diamond Like Carbon, ลูกสูบ+แหวนแบบใหม่, ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์น้ำด้วยระบบไฟฟ้า Electronic Thermostat รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆ ทั้ง Timing Gear แบบ Double Scissors Gear หรือเฟืองกรรไกรแบบคู่ช่วยลดระยะห่างของฟันเฟือง เครื่องยนต์เดินเรียบและทนทาน ระบบ Common Rail เจเนอเรชันที่ 4 ที่มีหัวฉีดแบบ High Pressure แรงดันสูงถึง 250 MPa, ปั๊มเชื้อเพลิงควบคุมการทำงานด้วย PCV ท้ายรางแบบไฟฟ้า
ด้วยทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นขุมพลังที่ให้ทั้งความแรง ประหยัดและสามารถปรับแต่งปรับจูนได้ดีกว่าง่ายกว่ากลายเป็นที่นิยมของกลุ่มแต่งซิ่งปรับเพิ่มกำลัง ขุมพลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตรและนั้หนัก 2 ตันพอดี ทำให้โหมด Performance Test จับอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปแตะถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีว้าวตกตะลึงทำได้ 9.65 วินาที และ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.44 วินาที อัตราสิ้นเปลือง Save Mode ทำได้ 14.02 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 61 กม.จัดน้ำมันเต็มถัง 4.35 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองในเมืองทำได้ 14.35 กม./ลิตร ปิดท้ายนอกเมืองกลับทำได้ 15.51 กม./ลิตร จากระยะทาง 796.1 กม.เส้นทาง กรุงเทพฯ- เชียงใหม่ เติมเข้าไปเต็มถัง 51.30 ลิตร
ระบบ ISS (Idling Stop/Start System) หรือตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ โดยจะตัดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวและกลับมาทำงานโดยอัตโนมัติที่ยังคงเหยียบเบรกและตำแหน่งเกียร์ต้องอยู่ในเกียร์ D ระบบจะทำงานเพียง 1 นาที แต่ถ้าไม่ชอบระบบนี้สามารถปิดการทำงานได้ ระบบนี้ช่วยลดมลพิษ และประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ถึงจะใช้ลูกเดียวกับ Toyota Hilux REVO แต่ปรับเซ็ตคนละอย่างกันเน้นแต่ละเกียร์สัมพันธ์กับความเร็วนุ่นนวลไม่กระตุก ตัดต่อกำลังราบรื่น แถมมี Rev-Tronic บวก/ลบ สนุกในการขับขี่มากขึ้น
ช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง สำหรับด้านหน้าและแหนบแผ่นรูปครึ่งวงรี 3 แผ่น สำหรับด้านหลังใช้โช้คอัพแก็สทั้งหน้าและหลัง เข้าโคงออกไปทางนุ่มนวล นหึบนิดๆ เด้งหน่อยๆ ตามสไตล์ ISUZU พวงมาลัยพาวเวอร์ก็เป็นแบบน้ำมันรัศมีวงเลี้ยวทาง V-Cross แคบกว่าโดยแคบสุด 6.1 เมตร ระบบเบรกไม่ลึกเบรกฉับไว เมื่อเหยียบแป้นเบรกไป 20 % หม้อลมเบรกขนาดใหญ่รวมถึงดิสก์เบรกขนาดใหญ่ 320 มม. และด้านหลังดรัมเบรก
Safety & Feature
ความปลอดภัยพื้นฐานที่ครบครันตั้งแต่ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind spot monitoring เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด Raer Cross Traffic Alert เซ็นเซอร์กะระยะ 8 จุดรอบคัน Parking Aid System ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensing Wiper เพิ่มความสะดวกสบาย พร้อม Integrated Wiper Blade พร้อมฉีดน้ำบนก้านปัดแบบ Blade Type Crash Unlock ปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน
เบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน BA ควบคุมการทรงตัว ESC ป้องการลื่นไหล TCS รวมถึงออกตัวบนทางลาดชัน HSA ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ที่ตรวจจับการทำงานอย่างแม่นยำมีหน่วงบ้างเล็กน้อยและที่สำคัญไม่กระตุกในตอนช่วงลงจากทางลาดชัน ลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด กล้องส่องภาพขณะการจอดทางมีแค่มองด้านหลังพร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide และไฟฉุกเฉินกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกกระทันหัน ESS
พอมีคำว่า MAGIC EYEs มาต้องมีความพิเศษอย่างแน่นอนกับความปลอดภัยอัจฉริยะช่วยเหลือผู้ขับกับ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ทำงานด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ คอยตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจนแม่นยำกว่ากล้องหน้าเดี่ยว (Mono Camera)พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน ประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go, เตือนการชนด้านหน้าอัตโนมัติ FCW Front Forward Collision Warning
หยุดรถอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake), เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System), ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA (Turn Assist), ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam), เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake), ตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter) และตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation)
ครั้งนี้มาครบครันยกมาจาก ISUZU MU-X ระบบทุกอย่างเหมือนกันแต่ะระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC พร้อม Stop&Go คือถ้าคันหน้าหยุดเราหยุดคันหน้าไปเราไป แต่ต้องหยุดไม่เกิน 2 วินาทีระบบทำงานต่อไป แต่ถ้าหยุดเกิน 2 วินาทีจะมีเสียงเตือนให้เหยียบเบรกแต่ถ้าไม่เหยียบรถไหลแน่นอน และเมื่ออกตัวแค่กดปุ่ม Resume กลับมา เพราะรถคันนี้ใช้เบรกมือคันโยกไม่ใช่เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold เหมือน MU-X ที่หยุดเกินรถยังหยุดนิ่ง
Verdict
ถึงค่าตัวจะเพิ่มจากเดิม 25,000 บาท แต่สิ่งที่ได้มานั้นกลับให้มาอย่างครบครันด้วยระบบ ADAS เทียบเท่ารถหรูรวมถึงพลังจัดจ้านขวัญใจวัยรุ่นอย่าง 3.0 ลิตร 190 แรงม้า ที่ไปไหนไปกันแถมไปได้ไกลกับอัตราสิ้นเปลืองราว 15-16 กม./ลิตร ที่ยังรักษาดีเอ็นเอความเป็น ISUZU ช่วงล่างถูกใจรุ่นเก่าแต่ไม่ถูกใจวัยรุ่นที่ต้องไปอัปเกรดเอง และลุยได้ไม่อายใคร ISUZU V-Cross 4×4 MAGIC EYEs รุ่น 3.0 M 4 ประตู มีทั้งหมด 5 สีทั้ง สีเทาโอเพค Islay Gray Opaque สีส้มวาเลนเซีย โทพาส เมทัลลิก Valencia Topas Metallic สีดำบาวาเรียน ไมก้า Bavarian Black Mica สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก Bohemian Silver Metallic และ*สีขาวมุกโดโลไมท์ Dolomite Pearl White) *เพิ่มเงิน 7,000 บาท ในราคา 1,217,000 บาท
