More

    2023 Mercedes-AMG GLC เอสยูวีค่ายตราดาวทรงโหดเต็มพิกัด

    หลังจากแนะนำ Mercedes-Benz GLC ทั้งแบบเอสยูวีและเอสยูวีคูเป้ไปแล้วคราวนี้ก็มาถึงคิวเวอร์ชันแรง Mercedes-AMG GLC ตามมาสมทบ

    Mercedes-AMG GLC 43 4MATICMercedes-AMG GLC 63 S E PERFORMANCE

    เปิดทีเดียวมากันถึงสองรุ่นทั้ง Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC และ Mercedes-AMG GLC 63 S E PERFORMANCE ด้วยหน้าตาไม่ต่างจาก Mercedes-Benz GLC X254 หล่อตั้งแต่กระจังหน้าแบบ AMG Panamericana Grille แนวตั้ง 14 ซี่ประทับตราดาวขนาดใหญ่ได้กันชนหน้าใหม่ที่ดุดันขึ้นกว่าพร้อมไฟหน้า Digital Light LED ปรับโคมไฟให้เล็กและเรียวขึ้นพร้อมความสว่างที่กว้างไกลกว่าเดิมชุดกันขนหน้าดีไซน์เน้นความสปอร์ต กระจกมองข้างทรงสปูน ไฟท้าย LED รวมถึงดีไซน์ด้านท้ายที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยโลโก้ดาวสามแฉกคิ้วกรอบป้ายทะเบียนอยู่แนวเดียวกับชุดไฟท้าย

    กันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังกับท่อไอเสียคู่แบบโค้งในรุ่น GLC 43 และท่อไอเสียคู่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูในรุ่น GLC 63 ล้ออัลลอยลายเจ็บขนาด 19 นิ้ว หุ้มยางหน้า 235/55 R19และยางหลัง 255/50 R19ในรุ่น GLC 43 ส่วนรุ่น GLC63 ได้ขนาด 20 นิ้วพร้อมยางหน้า 265/45 R20 และยางหลัง 295/40 R20

    Mercedes-AMG GLC 63 S E PERFORMANCE

    ภายในแน่นอนว่ายกมาจาก Mercedes-Benz GLC แต่ปรับบุคลิกให้เข้ากับตัวตนแห่งความแรงไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งทรงสปอร์ตปะตราโลโก้ AMG หุ้มหนัง Nappa แผงคอนโซลหน้าแผงประตูตั้งแต่มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมการแสดงผลเฉพาะ คอนโซลกลางแบบจอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ OLED 11.9 นิ้ว ระบบความบันเทิง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เชื่อมต่อ Android Auto, Apple CarPlay ไร้สาย พร้อม AMG Track Pace บันทึกข้อมูลการแข่งขันถ้าหากเอาไปซิ่งที่สนามแข่ง ครอบคลุมข้อมูลอัตราเร่ง การบังคับเลี้ยว เวลาต่อรอบ โดยเป็นออปชันมาตรฐานของรุ่น GLC 63 แต่รุ่น GLC 43 สามารถเพิ่มเงินติดเสริมได้

    ลำโพงคุณภาพจาก Burmester 15 จุด กำลังขับ 710 W เบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 โดยมีพื้นที่การบรรทุกของ 620-1,640 ลิตร ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lights 64 สี และ Head-up Display มีกราฟิกสวยๆตรา AMG

    Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC SUV

    ขุมพลังแรงลาทีเครื่องเก่าเบนซิน V6 3.0 ลิตร BITURBO M276 390 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที มาเป็นเบนซินเทอร์โบไฟฟ้าขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ รหัส M139L 421 แรงม้าที่ 6,750 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมติดตั้งถ่านก้อนgล็กสุด Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ พร้อม EQ Boost 14 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตรไว้ใช้ในยามเร่งแซงต้องการกำลัง

    คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด AMG Speedshift MCT 9G แบบคลัตช์เปียก wet multi-disc start-off-clutch พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC กระจายกำลังระหว่างล้อหน้า-ล้อหลังที่ 39% และ 61% ตามลำดับ ทำเวลา 0-100 ได้ 4.8 วินาที ความเร็วท๊อปสปีดตามมาตรฐาน 250 กม./ชม. พ่วงด้วยโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ที่สามารถปรับได้ 5 โหมด ตั้งแต่ โหมด Slippery”, “Comfort”, “Sport”, “Sport +”, และ “Individual” ใน Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC

    Mercedes-AMG GLC 63 S E PERFORMANCE SUV

    ส่วน Mercedes-AMG GLC 63 S E PERFORMANC ลาทีกับพลัง V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ด้วยเทคนิคการติดตั้งเทอร์โบแบบ Hot inside V M177 510 แรงม้าที่ 5,500 – 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 280 กม./ชม. มาเป็น 4 สูบ เสียบปลั๊ก Performance Plug In Hybridเช่นกัน 2.0 ลิตร 4 สูบ รหัส M139L 476 แรงม้าที่ 6,750 รอบ/นาที แรงบิด 545 นิวตันเมตรที่ 5,250- 5,500 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังในชุดเพลาหลังให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 6.1 kWh รองรับการชาร์จออนบอร์ดเพียง 3.7 kW กำลังไฟ 400 โวลต์ พร้อมเซลล์แบตเตอรี่ 560 ตัว เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 680 แรงม้า แรงบิด 1,020 นิวตันเมตร

    โหมดไฟฟ้าล้วน EV วิ่งไกลสุด 12 กม. ความเร็วสูงสุดในโหมด EV อยู่ที่ 125 กม./ชม. ทำเวลา 0-100 ได้ 3.5 วินาที ความเร็วท๊อปสปีดตามมาตรฐาน 275 กม./ชม. นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่หรือที่เรียกว่าปรับหน่วงไฟเข้าระบบถึง 4 ระดับ ตั้งแต่ระดับ 0-3 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด AMG Speedshift MCT 9G แบบคลัตช์เปียก wet multi-disc start-off-clutch พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ แบ่งส่วนกำลังล้อหน้าแบบ 31 % และล้อหลังแบบ 69 % พร้อม Race Start และโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT เลือกได้แปดโหมดได้แก่ “Electric”, “Comfort”, “Battery Hold”, “Sport”, “Sport+”, “RACE”, “Slippery” และ “Individual”

    เร้าใจด้วยช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL Suspension ปรับแปรผันตามสภาพถนนพร้อมระบบปรับโช้คอัพ Adaptive Damping System ที่ช่วยลดแรงสะเทือนที่ล้อตามรูปแบบช่วงล่างที่ปรับตามโหมดการขับขี่ พร้อมระบบเลี้ยวสี่ล้อ 2.5 องศา และเหล็กกันโคลงแบบแอ็คทีฟในรุ่น GLC 63

    Mercedes-AMG GLC 63 S E PERFORMANCE SUV

    Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC และ Mercedes-AMG GLC 63 S E PERFORMANCE ขายจริงที่ยุโรปเร็วๆนี้ส่วนเมืองไทยทั้งสองรุ่นได้พบกันแน่นอน

    ที่มา Mercedes-Benz

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts