More

    Nissan Kicks e-Power MY23 เพิ่มออปชันในราคาใหม่เริ่ม 779,900 บาท

    หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานสำหรับ Nissan Kicks e-Power เอสยูวีเล็กปรับปรุงใหม่ทั้งออปชันและพลัง e-Power ที่แรงกว่าเดิมจนได้รับการตอบอย่างดียิ่ง

    Nissan

    ล่าสุด Nissan ใช้เวทีงาน Bangkok Motor Show 2023 เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY2023 สำหรับ Nissan Kicks e-Power ปรับครั้งนี้ยังคงโดดเด่นในลุคสุดโฉบเฉี่ยว สปอร์ตพรีเมียม ทั้งภายใน และภายนอก สไตล์เดิมตั้งแต่กระจังหน้าแบบ V-motion พร้อมตราโลโก้ Nissan ไฟหน้า LED ประกอบด้วยไฟเลี้ยว Signature Light ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ไฟตัดหมอกหน้า LED กันชนหน้าออกแบบให้สปอร์ตขึ้นและไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรงพร้อม วัสดุตกแต่งประตูท้ายออกแบบอย่างลงตัว เสาอากาศครีบฉลามและล้ออัลลอยลายเดิมขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/55R17

    ส่วนรุ่นเต่ง Nissan Kicks e-Power Autech แต่งพิเศษด้วยเท่ หรู ถูกใจคนรุ่นใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วยชุดแต่งเสริมตัวรถแบบสเกิร์ตสีเงินเมทัลลิก ทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านท้าย เสริมหล่อด้วยกระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิกพร้อมไฟเลี้ยว LED และล้ออัลลอยสีดำเงาขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/55R17

    Nissan

    ไฮไลต์เด็ดอยู่ที่ภายในที่เพิ่มออปชันเด็ดพิ่มความสบายด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านบุวัสดุนุ่ม Soft Touch แบบทรงท้ายตัด หรือ D-Shape จับกระชับมือ จากเดิมชุด Soft Touch จะมีทั้ง ที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลาง ขอบเบาะนั่ง และช่องเก็บของด้านหน้า ลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล หรือเมื่อรถติด เพิ่มที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charger ในรุ่น VL กับรุ่น AUTECH และเพิ่มระบบฮีตเตอร์เป่าลมร้อนในชุดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติทำให้ปรับได้เกิน 30 องศาสามารถเป่าลมร้อนได้

    นอกนั้นคงเดิมทั้ง กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key I-Key) พร้อมทั้งระบบ Immobilizer ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้าและหลัง 4 ตำแหน่ง กล่องเก็บของด้านหน้า ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร ไฟห้องสัมภาระด้านท้าย ที่เก็บสัมภาระด้านหลังรถจุสัมภาระได้ถึง 423 ลิตร สามารถบรรทุกกระเป๋าเดินทางใหญ่ 2 ใบได้สบายๆ ปรับเปลี่ยนการวางสัมภาระได้หลายรูปแบบด้วยที่นั่งตอนหลังสามารถพับแยกแบบ 60:40

    หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT อัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว คอนโซลกลางออกแบบให้พอดีกับการตอบรับทางสรีรศาสตร์ เพื่อประสบการณ์การขับขี่สุดพรีเมียม หัวเกียร์ดีไซน์ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เปียโนแบล็ก พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ Nissan Connect รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay เพื่อใช้งานแอปพลิเคชันในมือถือผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX-IN ระบบนำทาง (Navigation System) ผ่าน Google Map และสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition)

    พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง เพื่อความเพลิดเพลินในทุกการเดินทาง และเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM / FM พร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธ USB และ AUX-in ลำโพงคุณภาพสูง 4 ตำแหน่งในรุ่น E มีพื้นที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง

    ส่วน Nissan Kicks e-Power Autech ภายในห้องโดยสารตกต่งด้วยโทนสีดำ สีน้ำเงิน สอดคล้องกับคอนโซลหน้า ขณะที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายน้ำเงินอย่างลงตัว เสริมด้วยวัสดุสีดำเงา เปียโนแบล็ก ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ต

    Nissan

    พลังที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยขุมพลัง e-POWER เจเนอเรชันที่ 2 เบนซิน HR12 DE 1.2 ลิตร e-Power เจเนอเรชั่นที่ 2 พัฒนาทั้งชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยให้แรงม้า ถึง 82 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 103 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 2.06 kWh มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ พ่วงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM47 AC3 Synchronous Motor

    ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 136 แรงม้าที่ 3,410-9,697 รอบ/นาที เพิ่มแรงบิดเป็น 280 นิวตันเมตรที่ 0~3,410 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed Gear Reduction พร้อมโหมดการขับ Normal, S, Eco, และ EV ให้พละกำลัง และแรงบิดสูงต่อเนื่อง ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร่งเร็ว แรงมากยิ่งขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าเดินเงียบ โดยได้รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30%

    พร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal step  ช่วยให้ผู้ขับสามารถเร่ง หรือชะลอความเร็วได้เพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียว ให้ความนุ่มนวลของการขับขี่ที่มากขึ้น ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport MODE และ ECO MODE (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วลงอย่างนุ่มนวล ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น

    มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงรอบคัน Nissan 360° Safety Shield อาทิเทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ Lane Departure Warning (LDW) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA)  เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)

    Nissan เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) และเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror – IRVM)เทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ  (Vehicle Dynamic Control – VDC) เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC)

    ถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน 6 จุด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) ระบบเบรก ABS, EBD และ BA เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

    Nissan Kicks e-Power MY2023 มาพร้อม 7 สีภายนอกให้ลูกค้าเลือก ได้แก่ สีน้ำเงิน Night Blue สีเทาGun Metallic สีขาว Storm White สีดำ Black Star สีแดง Radiant Red สีส้ม Monarch Orange และ สีเงิน Brilliant Silver

    Nissan

    Nissan

    นำเสนอสีทูโทนที่เป็นทางเลือกใหม่ ด้วยหลังคาแบบลอยตัวสีดำ ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL และรุ่น AUTECH โดยในรุ่น VL มีสีภายนอกแบบทูโทน 4 สี ได้แก่ สีส้มโมนาร์ช สีแดง เรเดียนท์เรด สีเทากันเมทัลลิก และสีขาวสตอร์มไวท์  ขณะที่รุ่น AUTECH มี 4 สีภายนอก โดยเป็นสีทูโทน ที่มาพร้อม หลังคาสีดำ 3 สีได้แก่ สีน้ำเงินไนท์บลู สีเทากันเมทัลลิก สีขาวสตอร์มไวท์ และ สีโมโนโทน สีดำ แบล็คสตาร์ โดยมีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย

    • รุ่น E             ราคา 779,900 บาท (เพิ่มจากเดิม 20,900 บาท)
    • รุ่น V             ราคา 849,900 บาท (เพิ่มจากเดิม 20,900 บาท)
    • รุ่น VL          ราคา 920,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 21,000 บาท)
    • รุ่น AUTECH  ราคา 980,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 31,000 บาท)

    Nissan

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts