หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่สหรัฐอเมริกา
นอกจากการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศพร้อมนำเสนอเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ BCG โมเดลแล้วยังมีการเจรจาการค้ากับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งหนึ่งในนั้นมีค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง TESLA รวมอยู่ด้วยและหลังจากได้ไปเยี่ยมชมกิจการที่โรงงาน Tesla ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเฟรมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมหารือกับทางทีมผู้บริหารเพื่อร่วมมือกันสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ในอนาคตทั้งเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงงานสะอาด
TESLA พร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในไทยด้วยเงินลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 176,000 ล้านบาท โดยผู้บริหารอันดับที่ 2 ที่ดูแลเรื่องการลงทุนของ TESLA จะเข้ามาดูทำเลที่ตั้งของโรงงาน และพร้อมเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 3 ประเภทด้วยกัน โดยรัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่ โดย TESLA กำลังเลือกที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมส่วนใดบ้าง โดยที่ดินที่ TESLA ต้องการคือประมาณ 2,000 ไร่ โดยจะไม่ใช่เป็นเพียงอู่ประกอบรถยนต์เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นซัพพลายเชนทั้งหมด จะมีการสร้างงาน และการลงทุนอีกมหาศาล ถือเป็นการยกระดับประเทศไทยขึ้นไปอีกระดับ ไม่ใช่ติดอยู่กับกับดักรายได้ปานกลาง เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสมัยใหม่
นอกจากนี้มาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยหรือ EV3.5 ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 จะใช้มาตรการนี้ดึงดูดให้ TESLA มาลงทุนในไทยให้สำเร็จจากการเปิดเผยของนายเกรึยงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) นอกจากนี้ยังมีค่ายรถยนต์จากจีนจะสนใจมาตรการนี้ด้านค่ายรถยนต์ยุโรปอาจยังไม่สนใจมากเพราะค่าตัวรถสูงกว่าที่กำหนดในมาตรการคือไม่เกิน 2,000,000 บาท
ทางด้านค่ายรถญี่ปุ่นอาจไม่ลงทุนแต่เชื่อว่าจะลงทุนรถยนต์สันดาปภายในต่อเนื่องเพราะท่านนายกฯ มีนโยบายให้ความสำคัญกับค่ายญี่ปุ่นให้ใช้ไทยเป็นฐานผลิตสุดท้ายของรถสันดาป ล่าสุดบอร์ดอีวีได้อนุมัติต่ออายุรถยนต์อีโคคาร์เฟสที่ 1 ที่จะสิ้นสุดสิ้นปีนี้ ต่อไปอีก 2 ปี เท่ากับว่าอีโคคาร์ทั้งสองเฟสจะสิ้นสุดพร้อมกันสิ้นปี 2568
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ 1,2,3