โชว์ตัวโชว์หรูกันไปแล้วครั้งนี้ถึงคิวที่ต้องเปิดราคาจำหน่ายกันเสียทีสำหรับ BYD QIN L และ BYD SEAL 06 DM-i สองเก๋งหรูพลังปลั๊กอินไฮบริด
เริ่มที่ BYD QIN L DM-i จากตระกูล Dynasty ยึดหลักการออกแบบสไตล์ ‘Dragon Face’ ของทางแบรนด์ ด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์เพรียวบางและกระจังหน้าชุบโครเมียมขนาดใหญ่ ซึ่งสื่อถึงปากมังกรที่เปิดอ้ากว้าง ส่วนกันชนหน้ามีช่องระบายอากาศ ช่องดักอากาศเข้า และ เซนเซอร์ช่วยจอด เส้นสายด้านข้างและหลังคาลาดลงที่ทันสมัย มือจับประตูแบบดั้งเดิมแบบดึงก้านซึ่งเสมอขอบผิวประตู กระจกรถครอบทับด้วยกรอบโครเมียมแบบโอเปร่า พอร์ตชาร์จ ACและ DC ที่บังโคลนหลังด้านขวา ฝาถังเชื้อเพลิงอยู่บังโคลนหลังซ้าย ไฟท้าย LED แนวยาวพร้อมตรา BYD กันชนหลังมีลิ้นสปอยเลอร์หลังในชุดกันชนดีไซน์กลมกลืน
ล้อและยางให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็ก 16 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R16 ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R17 ใหญ่สุด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 มีมิติตัวถังมีความยาว 4,830 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร ความสูง 1,495 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,790 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 65 ลิตร โดยตัวรถมีขนาดใหญ่กว่ารุ่น Qin PLUS และใกล้เคียงกับกลุ่มรถมิดไซซ์ขนาดกลาง
ภายในหรูเริ่มที่แผงคอนโซลหน้าเป็นศูนย์นรวมของชุดมาตรวัดความเร็วแนวนอนขนาด 8.8 นิ้ว จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุดและภายในปรับโทนสีภายในเป็นสีดำผสมสีครีมเน้นความล้ำสมัย
เบาะนั่งทรงสปอร์ต หุ้มหนังอย่างประณีต มีช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมระบบความจำสำหรับเบาะคนขับ พร้อมระบายอากาศและอุ่นเบาะได้ เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่มากถึง 1,132 ลิตร และถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ด้านท้าย 550 ลิตร
ขุมพลังเป็นแบบ Plug In Hybrid หรือ DM-i เวอร์ชันล่าสุด 5.0 ด้วยเบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472QC ให้กำลัง 101 แรงม้า แรงบิด 126 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบ่งกันสองรุ่นตั้งแต่
รุ่น DM-i 80 มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ ขนาด 10.08 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 264 แรงม้า วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 80 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) ให้ความประหยัดถึง 34.5 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน NEDC และอีกรุ่นกับ DM-i 120 มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 15.874 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 318 แรงม้า วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าได้ 120 กิโลเมตร (CLTC) ให้ความประหยัดถึง 32.5 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน NEDC และต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และน้ำมัน 1 ถังเต็มวิ่งไกล 2,100 กิโลเมตร (CLTC)
สามารถชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 23 kW ภายใน 21 นาที และกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 6.6 kW พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ และระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)
พร้อมความปลอดภัยขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงได้แก่ ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go ช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC) ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS) ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW with RCW) ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP) ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)
ความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC) และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
จากความสำเร็จของ BYD QIN Plus ช่วงปีกลาย ทำได้ 482,145 คัน และการมาเสริมทัพของ BYD QIN L ก็น่าจะช่วยยกระดับยอดขายของทางค่ายขึ้นไปอีกขั้นจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้น 99,800-139,800 Yuan หรือราว 505,000-709,000 บาท
ที่มา Autohome