นอกจาก DEEPAL L07 ยังมีอีกรุ่นที่อยากแนะนำกับเอสยูวีที่หมายหมั้นท้าชน TESLA Model Y และ BYD SEA LION 07 กับ DEEPAL S07
DEEPAL S07 รูปลักษณ์หน้าตาสไตล์เอสยูวีหล่อด้วย ไฟหน้า LED รูปทรงตัวแอลทั้งสองฝั่ง ชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตทูโทนติดตั้งไฟ LED Daytime มีคิ้วชายล่างในชุดกันชนหน้า กระจกมองข้างทรงสปูน มือเปิดประตูแบบซ่อนเรียบเนียนกับตัวรถกรอบหน้าต่างโครเมียมดำ กระจกแบบไร้ขอบ (frameless) ไฟท้าย LED ดีไซน์เพรียวแนวยาวแบบ Star Flame พร้อมสปอยเลอร์ในตัวและไฟตัดหมอกหลัง ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยลาย Moon White Blade ขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/45 R20 สร้างจากแพลตฟอร์ม EPA1 มีมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,750 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,930 มิลลิเมตร ความสูง 1,625 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 165 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,940กิโลกรัม และ ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้ามีความจุ 125 ลิตร
ภายในหรูหราด้วยเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งสามารถพับเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 มีพื้นที่ด้านท้าย 435 ลิตร และพื้นห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบ เบาะนั่งหุ้มหนังคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทางด้านคนขับพร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมระบบความจำตำแหน่งเบาะ เลื่อนเข้าออกอัตโนมัติ และคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง มีระบบเป่าลมที่เบาะนั่งปละพนักพิงศีรษะคู่หน้า มีช่องแอร์อัจฉริยะแบบซ่อนปรับไฟฟ้า (Electric Hidden Intelligent Air Ventilation) พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ 2 โซน (Dual-zone Auto A/C) โหมดลมธรรมชาติ (Natural Wind Mode) มีแอร์ด้านหลังพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส (Rear touchscreen A/C Control Panel) ระบบฟอกอากาศในรถยนต์แบบปล่อยประจุ (Ion Generator Air Purifier) และระบบบอกระดับ PM2.5 ในห้องโดยสาร (PM2.5 Monitor)
ชุดคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้านเลือกได้ 4 ฟังก์ชัน หน้าจอสัมผัส infotainment ขนาด 15.6 นิ้ว เอนหาคนขับถึง 15 องศาโดยอัตโนมัติ รองรับ Apple CarPlay ไร้สาย พร้อมสั่งงานด้วยท่าทาง (Gesture Recognition) ระบบแสดงภาพในห้องโดยสาร (In-car Monitor) ควบคุมด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ออนไลน์ (Over The Air, OTA) ควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ตโฟน (Mobile Remote Control) ลำโพงทั้งคัน 14 จุด มีจอแสดงข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า HUD ขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทางแบบ AR พิเศษด้วยหลังคากระจก Sunroof ขนาดใหญ่ ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี ที่ชาร์จมือถือไร้สายขนาด 40 W
พลังอีวีด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (iBC Digital Battery Management) ผสานการทำงานระหว่างการวิเคราะห์จากตัวรถและระบบคลาวด์ แม่นยำในด้านการติดตามสุขภาพแบตเตอรี่ การเตือนภัยด้านความเสี่ยงและระบบจัดการชาร์จ ด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาด Lithium Ternary (NMC) 66.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 485 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จกระแสตรง DC 30 ถึง 80 %ได้ในเวลา 35 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 7.5 ชั่วโมง พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO/COMFORT/SPORT/CUSTOMIZE พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้วยด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และหลังอิสระมัลติลิงก์แบบ H-ARM
พร้อมความปลอดภัยทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driver Assistance System) ที่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันแบบผสมผสาน (IACC) ประกอบด้วยระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าพร้อม Stop & Go แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW) เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ(AEB) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) เตือนมุมอับสายตา (BSD) เตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) เตือนหากเสี่ยงต่อการโดนชนด้านหลัง (RCW) ช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนขณะเปิดประตู (DOW) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (FAB) และช่วยเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า (SDW) ระบบความปลอดภัย (Safety Features) มาครบทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมระบบแสดงภาพตัวรถ (360o Around View Camera with Transparent Chassis) และระบบบันทึกวิดีโอการขับขี่ (Drive Video Recorder)
เอสยูวีทรงสวยการันตีด้วยรางวัลการออกแบบจาก Red Dot Award มีสีภายนอกทั้งหมด 6 สีได้แก่ สีขาว (Comet White) สีเขียว (Nebula Green) สีเทา (Lunar Grey) สีดำ (Eclipse Black) สีส้ม (Sunset Orange) และ สีเหลือง (Cosmic Yellow) จะมีการเปิดราคาจำหน่ายที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคมนี้ที่ บูธ E02 ชาเลนเจอร์ โซนสอง อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
เปิดตัวอย่างเป็นทางการก่อนเข้างานฯในวันที่ 27 พฤศจิกายน ภายใต้แนวคิด “TOUCH THE FUTURE” รวมถึงแผนการขยายตลาด Vast Ocean Plan มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการระดับคุณภาพ อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนเชิงกลยุทธ์, ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี, โครงสร้างแบรนด์ระดับโลก ตลอดจนการดำเนินธุรกิจในตลาดรถยนต์เมืองไทย
และนับเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของ CHANGAN เป็นการเปิดศักราชใหม่ของนวัตกรรมยานยนต์และการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยด้วยการลงทุนระยะแรก 8.8 พันล้านบาท กับการตั้งโรงงานผลิตรถพวงมาลัยขวาในไทยบนพื้นที่ 250 ไร่ ครอบคลุมทุกขบวนการผลิตทั้ง พ่นสี งานประกอบตัวรถยนต์ เครื่องยนต์ และแบตเตอรี่ ตั้งเป้าผลิต 100,000 คันต่อปี เริ่มต้นการประกอบในปี 2025 ตามมาด้วยระยะที่สองด้วยการลงทุน 2 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่ 1,500 ไร่ มุ่งบรรลุเป้าหมายผลิตสูงสุด 200,000 คัน ต่อปี ครอบคลุมทั้งตลาดอาเซียน โดยโรงงานแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง
